วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

4 วัน 3 คืน ท่องเที่ยวเกาะพะงันสวรรค์กลางอ่าวไทย

จาก เกาะเต่าในฉบับที่แล้ว เราขอพาท่านผู้อ่านเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะพะงันเกาะที่มีประวัติศาตร์ อันยาวนาน ความเป็นมาของชื่อและสถานที่ทางธรรมชาติบนเกาะพะงันได้มาจากการเสด็จประพาส ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ถึง ๑๔ ครั้ง เมื่อกว่าร้อยปีที่ผ่านมาแล้ว เช่น น้ำตกธารเสด็จ น้ำตกธารประพาส น้ำตกธารประเวศ ทั่วทั้งเกาะพะงันมีการค้นพบจารึกอักษรพระปรมาภิไธยบนก้อนหินในการเสด็จ ประพาสอยู่ถึง ๑๑ ก้อน โดยพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีถึง ๔ รัชกาลด้วยกัน ซึ่งได้แก่รัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๗ และรัชกาลที่ ๙ ซึ่งนอกจากจะเป็นเกาะที่พระมหากษัตริย์ ในราชวงศ์จักรีเสด็จประพาสมากที่สุดแล้ว บนเกาะพะงันยังมีธรรมชาติที่สวยงามป่าเขาลำเนาไพรอันอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ และสัตว์ป่านานาชนิด หาดทรายอันงดงาม เช่น หาดธารเสด็จ หาดท้องนายปาน หาดขวด และหาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกนั่นคือหาดริ้นนอก ในคืนวันพระจันทร์วันเพ็ญเต็มดวงกับงาน Full Moon Party ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สำหรับใต้ท้องทะเลโดยรอบของเกาะพะงันยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปะการังและ สัตว์น้ำนานาชนิด เกาะพะงันในวันนี้กำลังรอคอยการเดินทางมาเยี่ยมเยือนของนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติเสมอ ชาวเกาะพะงันทุกคนขอกล่าวคำว่า “ ยินดีต้อนรับทุกท่านเดินทางสู่เกาะพะงันครับ” และก็อย่าลืม ท่องเที่ยวเมืองไทยเศรษฐกิจไทยคึกคักครับ.
วันแรกของการเดินทาง
เรือ เร็วลมพระยาพาเราทั้งสองคนออกเดินทางจากเกาะเต่ามุ่งหน้าสู่เกาะพะงัน ระยะทางประมาณ 45 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงเราสองคนก็มายืนชมวิวทิวทัศน์อยู่บนท่า เรืออ่าวท้องศาลาบนเกาะพะงัน ทิ้งความทรงจำอันน่าประทับใจของเกาะเต่าเอาไว้เบื้องหลัง


บริเวณ ท่าเรืออ่าวท้องศาลาบนเกาะพะงันวันที่เรามาเยือนคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่กำลังชุนลมุนวุ่นวายกับการแบกเป้ ขนกระเป๋า ขึ้นรถลงเรือเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะต่างๆ เราสองคนจัดการขนสัมภาระขึ้นจากเรือมานั่งพักรอที่ศาลาท่าเรือให้นักท่อง เที่ยวบางตาลงกว่านี้สักหน่อย


จาก นั้นติดต่อรถสองแถวรับจ้างเดินทางไปยังรีสอร์ทที่พักของเรา สำหรับรีสอร์ทที่พักของเราบนเกาะพะงันก็คือ Dew Shore Bungalows ตั้งอยู่ที่หาดบ้านใต้ทางไปหาดริ้น ห่างจากท่าเรือท้องศาลาระยะทางประมาณ 3 กม.


เรา สองคนใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ก็เดินทางมาถึงบังกะโลบ้านพัก จัดการเก็บสัมภาระเข้าสู่ห้องพัก จากนั้นจึงออกมาเดินเที่ยวชมรีสอร์ทและชายหาดบ้านใต้ สำหรับ Dew Shore Bangalows มีจำนวนบ้านพักทั้งหมด 23 หลังพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น แอร์ พัดลม ตู้เย็นและสระว่ายน้ำในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 -4,500 บาทสนใจติดต่อสำรองห้องพักได้ที่ คุณพิศิษฐ์ (อุ้ง) โทรศัพท์ 077 238 128 หรือ 081 747 2089 แฟกซ์ 077 377 195 คุณอุ้งเจ้าของรีสอร์ทใจดีมีบริการรถรับส่งจากท่าเรือท้องศาลาถึงรีสอร์ท บ้านพัก พร้อมบริการรถมอเตอร์ไซด์ให้เช่า ขี่ชมวิวทิวทัศน์ทั่วเกาะพะงันและมีบริการเรือทัวร์ท่องเที่ยวรอบเกาะพะงัน อีกด้วย


บริเวณ ชายหาดบ้านใต้อันเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทที่พักแห่งนี้มีหาดทรายที่ขาวสะอาด สวยงามบรรยากาศงียบสงบ ทอดตัวยาวหลายกิโลเมตรร่มรื่นไปด้วยสวนมะพร้าวที่ขึ้นเรียงรายอยู่อย่างหนา แน่น หาดทรายบ้านใต้มีความลาดเอียงของชายหาดน้อยจึงเหมาะสำหรับลงเล่นน้ำทะเลใน ช่วงเวลาน้ำทะเลขึ้นและในช่วงเวลายามเย็นน้ำทะเลลดระดับลงมากๆบริเวณหาดทราย จะกว้างใหญ่ไพศาลคล้ายกับสนามฟุตบอลขนาดใหญ่หลายสิบสนามจะแลเห็นเด็กๆ ชาวเกาะพะงันมาตั้งทีมเตะฟุตบอลกันเป็นที่สนุกสนาน

ส่วน บริเวณด้านหลังของชายหาดเป็นย่านชุมชนเก่ามีบ้านเรือนยุคเก่าๆของชาวบ้านบนเ กาะพะงันตั้งเรียงรายอยู่เป็นระยะๆ รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยมุสลิมซึ่งมีเพียงแห่งเดียวบนเกาะพะ งันอีกด้วย


ชาว บ้านใต้บนเกาะพะงันส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลักทางด้านการทำสวนมะพร้าว สวนยาง การทำประมง ธุรกิจบ้านพักรีสอร์ทและการท่องเที่ยวเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย ชุมชนบ้านใต้นับว่าเป็นแหล่งส่งออกมะพร้าวที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะพะงันและสิ่ง ที่วิเศษที่สุดของหาดบ้านใต้ก็คือเป็นจุดที่สามารถชื่นชมความงามของพระ อาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะพะงันอีกด้วย


โดย สามารถมองเห็นเกาะแตนอกเกาะแตในและเกาะสมุยได้อย่างชัดเจน ชายหาดบ้านใต้จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศความเงียบสงบ และไม่ต้องเดินทางไกลจากแหล่งชุมชนบริเวณท่าเรือท้องศาลามากนัก นอกจากนั้นยังมีบังกะโลบ้านพักให้เลือกหลายระดับหลายราคาอีกด้วย และจากชายหาดบ้านใต้สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังชายหาดใก้ลเคียงเช่นหาด บ้านค่ายและหาดริ้นได้โดยสะดวก เราสองคนเดินเที่ยวชมความสวยงามของชายหาดบ้านใต้จนสมควรแก่เวลาจากนั้นจึง เช่ารถมอเตอร์ไซด์รับจ้างภายในรีสอร์ค่าเช่าวันละ 200 บาทน้ำมันเติมเองออกเดินทางไปยังตลาดที่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือท้องศาลาบน เกาะพะงัน ด้วยระยะทางประมาณ 3 กม.

เรา สองคนใช้เวลาเดินทางประมาณ 10นาที ก็เดินทางมาถึงตลาดเกาะพะงันซึ่งกำลังคับคั่งไปด้วยชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของกันตลาดบนเกาะพะงันแยกออกเป็นสองส่วน


ส่วน แรกเป็นตลาดสดจำหน่ายอาหารทะเลจำพวกกุ้งหอยปูปลาสดๆ จากทะเลและอาหารแห้งจำพวกปลาเค็มและปลาหมึกตากแห้งแห่งบ้านโฉลกหลำของฝาก ขึ้นชื่อของเกาะพะงันตลอดจนพืชผักผลไม้นานาชนิด

สำหรับ ส่วนที่สองจะเป็นตลาดแห้งจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปนานาชนิดอาหารซื้อกลับบ้าน อาหารจานเดียว จานด่วนเครื่องดื่มนานาชนิด ตลอดจนร้านกาแฟ ร้านเซเว่นฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ฯลฯ ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า


เลยจากตลาดไปเล็กน้อย บนถนนสายท้องศาลา-บ้านใต้ เป็นที่ตั้งของบิ๊กเอซุปเปอร์มาเก็ต


ซุป เปอร์มาเก็ตชื่อดังบนเกาะพะงันภายในซุปเปอร์มาเก็ตติดแอร์เย็นช่ำจำหน่าย สินค้าทุกชนิดตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบจนเป็นที่นิยมของชาวเกาะพะงันและ นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมาหาซื้อสินค้าที่บิ๊กเอซุปเปอร์มาเก็ต แห่งนี้กันเป็นประจำทุกวัน


เรียก ว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันแล้วไม่ต้องกลัวอดบนฝั่งมี อะไรบนเกาะพะงันนั้นมีหมดขอให้มีสตังค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


เรา สองคนหาอาหารจานเดียวรับประทานกันที่ร้านข้าวแกงแผงลอยภายในตลาดเกาะพะงัน ซึ่งนอกจากลูกค้าซึ่งคือเราทั้งสองคนแล้วร้านข้าวแกงแผงลอยยังเป็นที่นิยม ของนักท่องเที่ยวแบกเป้ชาวต่างชาติและฝรั่งบางคนที่ทำมาหากินอยู่บนเกาะพะ งันมานมนาน จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่เราจะเห็นฝรั่งสั่งแกงไตปลาไข่พะโล้ราดข้าว หรือแกงส้มปลากระบอกแกล้มด้วยปลาเค็มนั่งรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยพร้อม ด้วยผักสดกันภายในตลาดบนเกาะพะงัน สำหรับสนนราคาจานละเพียง 30 บาทเท่านั้นแถมน้ำดื่มฟรีอีกด้วย หลังจากจัดการกับอาหารกลางวันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากนั้นเราจึงเดินทางไป ยังวัดเกาะพะงันซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าวัดราษฎร์เจริญ


ปัจจุบัน มีท่านพระครูสุภัทรธรรมมาภิรม (วิธูร ธรรมวโร) เป็นเจ้าอาวาส เราสองคนเข้าไปกราบนมัสการท่านพระครูฯ พร้อมกับนั่งสนทนาธรรมกับท่านพระครูฯซึ่งท่านได้เล่าเรื่องราวถึงประวัติ ความเป็นมาของวัดราษฎร์เจริญให้เราทั้งสองคนฟังว่า
แต่เดิมวัดราษฎร์ เจริญ แห่งนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ ส่วนวัดอื่นๆบนเกาะพะงันนั้นอยู่กระจายกันไปตามหมู่บ้านต่างๆบนเกาะ ซึ่งบนเกาะพะงันนั้นเดิมมีวัดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่หมู่บ้านวกตุ่ม ชื่อว่าวัดเขานุ้ย (นุ้ย ภาษาปักษ์ใต้ หมายถึงเล็กหรือน้อย) ซึ่งต่อมาในช่วงที่ตลาดท้องศาลาได้ตั้งขึ้นอีกทั้งตัวตลาดยังใกล้กับท่าเรือ ของเกาะทำให้สำนักสงฆ์วัดราษฎร์เจริญได้พัฒนาจนได้รับการประกาศวิสุงคามสีมา เป็นวัดในที่สุด ซึ่งอยู่ในช่วงก่อนกึ่งพุทธกาล ราวสองพันสี่ร้อยเก้าสิบกว่าๆ ส่วนสาเหตุที่วัดราษฎร์เจริญ แห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเหล่าชาวพุทธบนเกาะ ก็ไม่ใช่เพราะว่าวัดแห่งนี้ใกล้กับตัวตลาดและท่าเรือก็หาไม่ หากแต่ว่าวัดราษฎร์เจริญ ได้มีเจ้าอาวาสนักพัฒนารูปหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นผู้เคร่งในทางธรรมมาก จนเป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้านที่นับถือพุทธศาสนาและชาวเกาะพะงันทั่วไป ชาวเกาะพะงันเรียกขานท่านว่า “พ่อหลวงพร้อม”


ท่าน เป็นที่เคารพรักของชาวเกาะพะงันโดยที่ไม่ได้ใช้อภินิหารชวนเชื่อแต่ประการ ใด หากแต่ท่านได้ใช้เมตตาธรรมและหลักคำสอนของพระพุทธองค์เป็นแนวทางจนเป็นที่ ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน ในช่วงที่หลวงพ่อพร้อมท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญ ในแต่ละเข้าพรรษาหรือนอกพรรษาก็ดีชาวบ้านบนเกาะมักจะให้ลูกหลานที่อายุครบ บวช มาบวชที่วัดราษฎร์เจริญแห่งนี้เป็นจำนวนมาก


ชาว บ้านร้านถิ่นช่วงกึ่งพุทธกาล บนเกาะพะงันจะคุ้นเคยกับภาพขบวนแถวของพระภิกษุสามเณรที่ออกเดินบิณฑบาต ผ่านตัวตลาดท้องศาลาทุกๆเช้าเป็นอย่างดี โดยที่พระภิกษุและสามเณรจะถือแต่บาตรเพียงอย่างเดียวและชาวบ้านร้านตลาดจะ ตักบาตรเช้าด้วยข้าวสุกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนกับข้าวคาวหวานต่างๆ ชาวบ้านจะใส่ปิ่นโตเป็นเถาๆ หรือเป็นใบ ที่ลูกศิษย์วัดนำมาแจกตั้งแต่เมื่อเย็นวานมาวางไว้ให้ลูกศิษย์วัดตามเก็บรวม เป็นเถานำกลับไปที่วัดด้วย นับว่าเป็นการตักบาตรที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดบนเกาะพะงัน ส่วนในวันพระหรือวันสำคัญทางพุทธศาสนา อย่างวันเข้าพรรษา วิสาขบูชา ฯลฯ ชาวบ้านบนเกาะก็มักจะเดินทางไปรับพรจากหลวงพ่อพร้อมกันเป็นหมู่คณะเนื่องจาก พระภิกษุสามเณรจะไม่ออกไปบิณฑบาตเหมือนวันธรรมดา เมื่อฉันภัตตาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว หากใครไม่มีธุระปะปังก็จะมานั่งล้อมวงทานข้าวเช้าร่วมกัน และถ้าหากลูกหลานบ้านไหนต้องออกเดินทางไปศึกษาหาความรู้ที่ต่างถิ่น อย่างกรุงเทพฯ หรือในตัวเมือง ก็มักจะพาลูกหลานมากราบขอพรจากหลวงพ่อพร้อมกันแทบจะทุกคน โดยเฉพาะชาวบ้านท้องศาลา ซึ่งหลวงพ่อก็มักจะให้ศีลให้พรพร้อมกับฝากคติคำสอนเตือนใจให้ใฝ่ศึกษาหาความ รู้นำสิ่งที่ดีๆ กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ปัจจุบันหลวงพ่อพร้อมมรณะภาพไปหลายสิบปีแล้วฝากไว้แต่คุณงามความดีที่ยังคง ติดตราตรึงใจชาวเกาะพงัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านท้องศาลา อย่างยากที่จะลืมเลือน


นัก ท่องเที่ยวต่างถิ่นที่มายังวัดราษฎร์เจริญ อย่าลืมแวะกราบนมัสการรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงพ่อพร้อมนะครับ วัดราษฎร์เจริญแห่งนี้มีพระดีน่ากราบไหว้ขอข้อคิดคติธรรมนำมาใช้ในชีวิตได้ เป็นอย่างดีแม้ว่าวันนี้จะไม่มีหลวงพ่อพร้อมแล้วแต่วัดราษฎร์เจริญ ก็ไม่สิ้นพระนักพัฒนาและปฎิบัติธรรม อย่างพระครูวิธูรส่วนใครที่ชอบวัตถุมงคลเห็นทีต้องแวะไปที่วัดอื่นบนเกาะ ซึ่งมีอยู่หลายวัด อย่างวัดโฉลกหลำ ซึ่งมีเกจิชื่อดังของเกาะพะงัน อย่าง หลวงพ่อจันทร์ น่าจะพอมีของดีให้ได้ติดไม้ติดมือกลับไป แต่ก็อย่าหวังสูงไปนะครับเพราะขนาดเหรียญ ปี 22 ชาวเกาะพงันเขายังหวงกันขนาดว่า “ขอดูพอได้ ขอซื้อไม่ขาย แต่ถ้ามีมาขายขอให้บอก” หายากแค่ไหนคิดเอาเองก็แล้วกัน


สำหรับ ผลงานพัฒนาของท่าน พระครูสุภัทรธรรมมาภิรม (วิธูร ธรรมวโร) นั้น ท่านเป็นพระนักพัฒนาได้ริเริ่มก่อตั้ง “วนอุทยานการุณเมตต์น้ำตกแพง” ขึ้นในบริเวณน้ำตกแพงบ้านมะเดื่อหวาน ตำบลเกาะพะงัน เมื่อ ปี พ.ศ .2510 โดยเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกอันสวยงาม สัตว์ป่าชุกชุมและอยู่ใกล้ชุมชนซึ่งในขณะนั้นได้เริ่มมีชาวบ้านบุกรุกเข้าไป จับจองที่ดิน


ท่านพระ ครูฯ จึงได้ทำการชักชวน พระ เณร และชาวบ้าน ตัดถนนเข้าไปที่ตัวน้ำตกแพงระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร และขอร้องชาวบ้านให้ยุติการบุกรุกบริเวณน้ำตกแพง อีกทั้งยังขอให้ช่วยกันอนุรักษ์แทนการทำลาย ซึ่งชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือด้วยดีจากนั้นในปี พ.ศ. 2520 ท่านพระครูฯได้มอบวนอุทยานการุณเมตต์น้ำตกแพงให้กับกรมป่าไม้เพื่อประกาศให้ เป็น “วนอุทยานน้ำตกแพง” จากนั้นท่านพระครูฯ ก็ได้พัฒนาวัดราษฎร์เจริญหรือที่ชาวบ้านบนเกาะพะงันเรียกกันว่า วัดเกาะพะงัน เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านบนเกาะพะ งันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ นอกจากนี้ท่านยังได้ริเริ่มสร้างมณฑปครอบรอยเท้าและสถูปของหลวงพ่อเพชร วชิโร ที่วัดภูเขาน้อย


ซึ่ง ในช่วงนั้นขาดการทำนุบำรุงรักษาจนแทบจะเรียกได้ว่าร้างคนดูแล ด้วยทุนทรัพย์และแรงศรัทธาของท่านและชาวเกาะพะงัน ซึ่งกว่าจะแล้วเสร็จจนสมบูรณ์ก็ใช้เวลาร่วมสามสิบปี เราสองคนนั่งสนทนาธรรมกับท่านพระครูฯ จนสมควรแก่เวลาจากนั้นจึงกราบลาท่านพระครูฯ ออกเดินทางต่อไปยังวัดภูเขาน้อย หรือชื่อวัดอย่างเป็นทางการว่า วัดพุทธเจดิยาราม ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลเกาะพะงัน


สำหรับ วัดภูเขาน้อยแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมของเกจิอาจารย์ชื่อดังบนเกาะ พะงันคือหลวงพ่อเพชร วชิโร (พระครูวิบูลย์ธรรมสาร) วัดอัมพวัน เกาะพงัน ซึ่งในปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 การเดินทางไปวัดภูเขาน้อย นั้นสามารถเดินทางไปได้ 2 เส้นทาง คือ ถนนข้างห้างโลตัส และถนนเลียบหาด แต่ทางถนนข้างห้างโลตัสจะสะดวกกว่าและไม่หลงทางได้ง่าย และไม่อ้อม ถ้าไปไม่ถูกถามคนบนเกาะทุกคนจะรู้จักวัดภูเขาน้อย ดี จากถนนข้างห้างโลตัสพักใหญ่เราก็เดินทางมาถึงวัดภูเขาน้อย ซึ่งจะมีทางเข้าวัดอยู่ด้านซ้ายมือก่อนจะถึงโรงพยาบาลเกาะพะงัน มีป้ายบอกทางสังเกตไม่ยาก


ทาง เข้าวัดด้านนี้ถนนไม่ชัน สามารถขับรถขึ้นไปได้สะดวก แต่ถ้าไปเข้าทางหน้าโรงพยาบาลเกาะพะงันถนนจะชันกว่ามาก ไม่เหมาะสำหรับผู้ไม่ชินเส้นทาง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะพะงันมักจะมาสมัคร เป็นช่างรังวัดถนนกันนักต่อนัก


จาก ตัวถนนไม่นานเราก็มาถึงลานจอดรถภายในวัดซึ่งมีบรรยากาศร่มรื่นน่าพักผ่อน สมกับที่เป็นวัดเก่าของเกาะ จากลานจอดรถเราเดินเท้าขึ้นเนินไปยังมณฑปซึ่งสร้างครอบรอยเท้าและสถูปบรรจุ อัฐิของหลวงพ่อเพชร วชิโร


ข้ามธรณีประตูไปจะเป็นบันไดเดินลงไปภายใน ด้านหน้าขวามือจะเป็นแท่นตั้งสถูปด้านล่างจะมีรอยเท้าของหลวงพ่อเพชร ปรากฎอยู่ 2 รอย


เป็น รอยเท้าชัดเจน 1รอยและเป็นรอยลางเลือน 1 รอย ส่วนทางด้านซ้ายมือที่พื้นแผ่นหินจะปรากฏรอยเท้าของท่านลึกลงในเนื้อหิน เพียง 1 รอย มีแผ่นทองคำเปลวปิดจนแทบจะดูไม่ออกว่าเป็นรอยเท้า ต้องเข้าไปสังเกตใกล้ๆ


สำหรับ รอยเท้าที่ปรากฏบนแผ่นหินนั้นเล่ากันว่า หลวงพ่อเพชรท่านชอบที่จะมาปฎิบัติธรรมที่วัดเขาน้อยแห่งนี้เป็นประจำตั้งแต่ ครั้งเมื่อท่านบวชเป็นพระใหม่ๆ เนื่องจากแต่ก่อนบริเวณนี้เงียบสงบไม่มีผู้คนมารบกวน และบริเวณที่ปรากฏรอยเท้านั้นแต่เดิมก็เป็นโขดหินระเกะระกะขรุขระไม่เรียบ อย่างในปัจจุบัน ว่ากันว่าครั้งหนึ่งสมัยที่ท่านชราภาพมากแล้วท่านได้เดินขึ้นมาเพื่อปฎิบัต ิธรรมตามปกติเหมือนทุกครั้ง แต่เกิดก้าวขาพลาดไปส้นเท้าด้านซ้ายลื่นไถลไปบนแผ่นหินจนแทบจะเสียหลักหกล้ม ท่านจึงได้ใช้เท้าขวายันไว้เพื่อทรงตัว เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ได้มีลูกศิษย์ลูกหาติดตามท่านไปด้วยจึงไม่มีใครทราบ ว่าท่านไปประสบอุบัติเหตุเข้า จวบจนเหตุการณ์ผ่านไปนานวันก็มีชาวบ้านขึ้นไปเก็บหาของป่าและไปพบรอยเท้านี้


จาก ปากต่อปากก็มีชาวบ้านขึ้นไปดูเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นรอยเท้าหรือรอยอะไรกันแน่ ก็ได้แต่รู้ว่าเป็นรอยเท้าคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นรอยเท้าใคร หนักๆ เข้าลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านทนไม่ไหวไปรบเร้าถามหลวงพ่อเพชร ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อท่านไม่ตอบให้ชาวบ้านหายสงสัย ก็มีผู้หัวใสไปสังเกตุรอยเท้าของท่านแล้วนำไปเทียบกับรอยเท้าที่ปรากฏบนแผ่น หิน จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นรอยเท้าของหลวงพ่อเพชรแน่แล้วไม่ใช่ใครที่ไหน ซึ่งก็เป็นไปตามที่ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาเดาไว้ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อเสียงของท่านระบือไปทั่วเกาะ มีผู้ศรัทธามาขอวัตถุมงคลของท่านกันมาก ซึ่งสมัยนั้นส่วนใหญ่จะเป็น ด้ายมงคล ลูกอม สีผึ้งปฐวีธาตุ เสื้อยันต์ และผ้ายันต์ สำหรับเหรียญเสมารุ่นแรก ปี พศ. 2467 ที่ดังไปทั่วภาคใต้นั้นสร้างภายหลังจากหลวงพ่อเพชร ท่านได้มรณะภาพ แล้ว


โดย ทำพิธีปลุกเศกที่วัดอัมพวัน มีพระคณาจารย์ชื่อดังหลายท่านทางภาคใต้ในยุคนั้นหลายองค์มาร่วมพิธี ถือว่าเป็นเหรียญตายที่มีมูลค่าสูงที่สุดและหาของแท้ได้ยากที่สุดเหรียญ หนึ่งของทางภาคใต้ โดยเฉพาะที่เกาะพะงันแล้วใครที่มีก็แทบจะไม่บอกให้คนอื่นรู้เพราะกลัวจะถูก นิมนต์ไปแบบเสียดายของแต่ทนแรงเงินไม่ไหว


สำหรับ ประวัติของหลวงพ่อเพชร วชิโร นั้นมีไม่มากนั้นทราบแต่ว่าท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุ 17 ปี โดยมีพระอุปัชฌาย์จันทร์ เป็นผู้บวชให้ เมื่ออายุครบ 20 ปีจึงได้บวช ณ วัดมะเดื่อหวาน เมื่อปี พ.ศ.2411 โดยพระอุปัชฌาย์จันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เมื่อปี พ.ศ. 2430 เป็นเจ้าคณะหมวดเกาะพะงันเมื่อปี พ.ศ. 24442 ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2451 ท่านได้เป็นพระอุปัชฌาย์ และ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงเกาะสมุยเมื่อปี พ.ศ.2459 สมณะศักดิ์สุดท้ายเมื่อปี พ.ศ.2467 (ภายหลังท่านได้มรณะภาพ ล่วงแล้ว 3 เดือน ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2467) คือ พระครูวิบูลย์ธรรมสาร รวมสิริอายุ 77 ปี (56 พรรษา) เรากราบสักการะสถูปและรอยเท้าของท่านอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเดินออกมายังหมู่ พระเจดีย์ข้างโบสถ์ ซึ่งมีรูปแบบการก่อสร้างเป็นหมู่พระเจดีย์ที่ทางภาคใต้นิยมกันในสมัยนั้น


พระ เจดีย์นี้คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องจากได้มีการประดับฐานเจดีย์ด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ ซึ่งเป็นที่นิยมกันในยุคนั้น มีเรื่องเล่าว่า แต่ก่อนเครื่องกระเบื้องที่ประดับอยู่รายรอบเจดีย์นั้นมีมากกว่าที่เห็นกัน ในปัจจุบัน


แต่ เนื่องจากนักพนันชอบที่จะมาแคะเอาถ้วยกระเบื้องไปเป็นที่ทอดลูกเต๋าไฮโล จนแทบจะหมดไปจากฐานรอบเจดีย์ ก็เป็นที่น่าสลดเพราะในขณะที่เครื่องกระเบื้องค่อยๆ หายไปที่ละชิ้นสองชิ้น นักพนันเหล่านั้นก็แทบจะหมดตัวไปด้วย


ไม่ รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของเทวดาอารักษ์เจดีย์หรือผีพนันไฮโลกันแน่ แต่ที่แน่ๆ การพนันไม่เคยสร้างคนให้รวยได้ทนนานไม่เว้นแม้แต่เจ้ามือพนัน


เรา เดินทักษิณาวัตรรอบเจดีย์ แล้วจึงมานั่งพัก กะว่าจะขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสเข้าชมในตัวโบสถ์ ก็ต้องผิดหวังเพราะท่านเจ้าอาวาสท่านติดกิจนิมนต์ที่ตัวเมืองกว่าจะเดิน ทางกลับมาก็อีกสองสามวัน เมื่อนั้นเราก็คงจะเดินทางออกจากเกาะพะงันแล้วพอดี ก็คงต้องรอเอาไว้โอกาสหน้า


เรา เดินชมบริเวณรอบวัดอยู่พักใหญ่จนใกล้จะเย็นย่ำจึงตกลงเดนทางกลับที่พักกัน เสียดายที่ไม่ได้ไปชมวัดอัมพวัน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งคาดว่าจะสร้างในรัชกาลที่ 2


อีกทั้งวัดนี้ยังเป็นวัดที่หลวงพ่อเพชร ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ด้วย เอาไว้โอกาสหน้าอีกเช่นเคยจะนำท่านเที่ยวชมวัดบนเกาะให้จุใจ
จาก วัดภูเขาน้อยเราสองคนเดินทางกลับมายัง Dew Shore Bungalows บังกะโลที่พักของเราบนหาดบ้านใต้เพื่อพิสูจน์ถึงความสวยงามของพระอาทิตย์ลา ลับขอบฟ้าว่าจะสวยงามสมกับคำร่ำลือหรือไม่


ชาย หาดบ้านใต้ในยามเย็น น้ำทะเลลดลงมากจนเกิดเป็นชายหาดที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดสายตาเบื้องหน้าของเรา คือเกาะสมุยส่วนทางทิศตะวันตกก็คือเกาะแตนอกและเกาะแตในตั้งอยู่ห่างจากหาด บ้านค่ายไม่ไกลเท่าใดนักเด็กๆ กำลังเล่นฟุตบอลกันบนหาดทรายเป็นที่สนุกสนาน นักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่นบริเวณชายหาดพร้อมรอชื่นชมความสวยงามของพระ อาทิตย์ยามอัสดงเหมือนเช่นเราทั้งสองคน


ดวงอาทิตย์ค่อยๆลาลับขอบฟ้าลงไปทางทิศตะวันตกโดยมีเกาะแตนอกและเกาะแตในเป็นแบ็คกราวน์ ช่างเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจยิ่งนัก


เรา สองคนกดซัตเตอร์เก็บภาพความประทับใจมาฝากท่านผู้อ่านที่ยังไม่เคยมาท่อง เที่ยวยังเกาะพะงันจนดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เราสองคนจึงขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไปหาอาหารค่ำรับประทานกันบริเวณตลาดเกาะพะ งันซึ่งกำลังคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ออกมาเดินหาอาหารค่ำรับ ประทานกันอย่างขวักไขว่


เราสองคนหาอาหารค่ำรับประทานกันอย่างง่ายๆสไตล์อาหารจานเดียวตบท้ายด้วยขนมหวานแบบไทยๆอีกคนละหนึ่งถ้วย


จาก นั้นจึงขับรถเดินทางกลับเข้าสู่บังกะโลที่พักเพื่อพักผ่อนเก็บเรี่ยวแรงเอา ไว้ในวันพรุ่งนี้เราสองคนจะเดินทางไปดำน้ำดูปะการังและนั่งเรือเที่ยวรอบ เกาะพะงันกัน สำหรับวันนี้ขอกล่าวคำว่า “ราตรีสวัสดิ์ “ครับ
วันที่สองของการเดินทาง


เช้า ของวันที่สองบนเกาะพะงันอากาศช่างสดชื่นแจ่มใสดีเหลือเกินท้องฟ้าใสเหมาะแก่ การท่องเที่ยวทางทะลเป็นยิ่งนักวันนี้เราสองคนจะนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะพะงัน กันน้ำทะเลสีใสเอ่อขึ้นมาเต็มชายหาดบ้านใต้แตกต่างจากเมื่อเย็นวานนี้ แต่ก่อนที่จะออกเดินทางไปนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะ เราสองคนจะออกเดินทางไปหาอาหารเช้ารับประทานกันในตลาดเช้าของเกาะพะงันกัน ก่อนดีกว่า


โจ๊ก หมูใส่ไข่ชามละ25บาทตบท้ายด้วยกาแฟโบราณแก้วละ10 บาท แกล้มด้วยปาท่องโก๋คนละสองตัวช่างเป็นอาหารเช้าแบบชาวบ้านๆ ดีแท้ แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย สอบถามแม่ค้าว่าขายราคานี้มานานแล้วแต่ไม่กล้าขึ้นราคาเพราะกลัวลูกค้าจะหนี หมด ขายกำไรน้อยแต่ขายได้มากดีกว่าขายไม่ได้เลย ท่านผู้อ่านที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันแล้วอยากจะลองลิ้มชิมรสโจ๊ก หมูเจ้านี้ก็ขอเชิญได้ที่ตลาดเช้าเกาะพะงันขายตั้งแต่ตีห้าถึงสามโมงเช้า จากนั้นก็จะปิดร้านนั่งนับเงินทั้งวันจากนั้นวันรุ่งขึ้นจึงมาเปิดร้านขาย ต่อ หลังจากจัดการกับอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากนั้นเราสองคนจึงออกเดิน ทางไปยังจุดนัดหมายลงเรือเที่ยวรอบเกาะพะงันที่บริเวณท่าเรือบ้านใต้ตั้ง อยู่ห่างจากตลาดไปทางหาดบ้านใต้ระยะทางประมาณ 5 กม.


ห่าง จากบังกะโลบ้านพักของเราไม่กี่ร้อยเมตร เราสองคนใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็เดินทางมาถึงท่าเรือบ้านใต้จุดนัดหมายที่เราสองคนนัดหมายพี่รัตน์ เร็กเก้ กัปตันเรือหางยาวไว้และระหว่างที่เราสองคนรอพี่รัตน์ เร็กเก้ อยู่ที่บริเวณท่าเรือบ้านใต้ก็เลยถือโอกาสเดินสำรวจรอบๆบริเวณท่าเรือแห่งนี้ สำหรับที่ตั้งของท่าเรือบ้านใต้นั้นตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือท้องศาลาระยะทาง ประมาณ 6 กม.อยู่ระหว่างหาดบ้านใต้กับหาดบ้านค่ายบนเส้นทางถนนสายท้องศาลา-หาดริ้น บริเวณท่าเรือบ้านใต้เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวประมงเล็กๆโดยมีลักษณะเป็นอ่าว โค้งเว้าเข้ามาใช้เป็นที่จอดเรือประมงและเรือทัวร์โดยสารนำเที่ยวรอบเกาะใช้ เป็นที่หลบลมในช่วงฤดูมรสุมนอกจากนี้บริเวณท่าเรือบ้านใต้ยังมีบริการเรือ เร็วเดินทางไปยังท่าเรือบางรักบนเกาะสมุยโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีเท่านั้นในอัตราค่าโดยสารคนละ 550 บาท เรือออกทุกชั่วโมงโดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น.นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอซื้อตั๋วเรือโดยสารได้ที่ บริเวณท่าเรือบ้านใต้ใกล้กับศาลาพักร้อนทีตั้งอยู่ภายในบริเวณท่าเรือ และจากท่าเรือบ้านใต้เราสองคนสามารถมองเห็นเกาะสมุยซึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้า เราไปไม่ไกลเท่าใดนักสำหรับด้านขวามือก็คือชายหาดบ้านใต้เรียงรายไปด้วยทิว มะพร้าวระยะทางยาวหลายกิโลเมตรส่วนด้านซ้ายมือก็คือหาดบ้านค่ายที่มีชายหาด ทอดตัวยาวไปจนถึงหาดหินล่อ


เรา สองคนเดินเที่ยวเก็บภาพจนเป็นที่จุใจแล้วจากนั้นจึงมานั่งพักร้อนกันที่ ศาลาพักร้อนบริเวณท่าเรือหาดบ้านใต้รอเวลานัดหมายกับพี่รัตน์ เร็กเก้ กัปตันเรือทัวร์ เราสองคนใช้เวลานั่งรอไม่ถึงสิบนาทีพี่รัตน์ เร็กเก้ กัปตันเรือทัวร์ที่เราสองคนรอคอยก็เดินทางมากับรถสองแถวปรากฏกายขึ้นพร้อม กับลูกทัวร์โดยสารที่เป็นฝรั่งชาวต่างชาติ 7-8คน เราสองคนทักทายพร้อมแนะนำตัวกับพี่รัตน์ เร็กเก้ให้ได้รู้จักซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่รัตน์เราสองคน มองดูหน้าตาของพี่รัตน์แล้วมีความเห็นตรงกันว่าพี่รัตน์กัปตันเรือของเราคน นี้มีใบหน้าและความหล่อเหลาละหม้ายคล้ายคลึงกับดาราตลกซื่อดังของเมืองไทย คือ เท่ง เถิดเทิงโดยเฉพาะเมื่อเวลาแกยิ้มแล้วเหมือน เท่ง เถิดเทิง ยังกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา เหมือนหรือไม่เหมือนท่านผู้อ่านพิจารณาดูรูปเอาเองก็แล้วกันครับ และต่อจากนี้ไปเราสองคนจะขอเรียกพี่รัตน์ เร็กเก้ คนนี้ว่าพี่เท่ง เถิดเทิงจะดีกว่า สำหรับท่านผู้อ่านที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันแล้วมีความประสงค์จะ ใช้บริการเรือหางยาวทัวร์โดยสารนำเที่ยวรอบเกาะของพี่เท่ง เถิดเทิง เอ๊ย ..พี่รัตน์ เร็กเก้ สามารถติดต่อได้ที่โทรศัพท์ 081 788 9143 ในอัตราค่าบริการคนละ 700 บาท พร้อมอุปกรณ์ดำน้ำ น้ำดื่ม ตบท้ายด้วยอาหารเย็นอีกหนึ่งมื้อ อิ่มตา อิ่มท้อง กลับไปพักผ่อนให้หายคิดถึงทะเลไปเลย และเมื่อทุกคนพร้อม พี่เท่ง กัปตันเรือทัวร์ของเราก็พาเรือทัวร์หางยาวคู่ใจที่มีชื่อว่า “Reggae boat” สีสันสะดุดตาพานักท่องเที่ยวและเราสองคนออกเดินทางทัวร์รอบเกาะพะงันในทันที


วันนี้ ท้องฟ้าเปิดอากาศแจ่มใสเป็นใจให้กับเราทั้งสองคนดีแท้จะได้เก็บภาพเกาะพะ งันสวยๆมาฝากท่านผู้อ่านที่ยังไม่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะพะงันให้เดิน ทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันในฤดูร้อนที่กำลังเดินทางมาถึงนี้


กัปตัน เท่งพาเรือทัวร์โดยสารเดินทางลัดเลาะไปตาม ชายหาดบ้านใต้ผ่าน Dew Shoreบังกะโลที่พักของเรา ซึ่งในเวลาสายเช่นนี้น้ำทะเลกำลังเอ่อท่วมชายหาดตลอดแนวชายฝั่งของเกาะพะงัน


กัปตัน เท่งพาเรือทัวร์โดยสารผ่านมายังบริเวณท่าเรือท้องศาลาที่กำลังคับคั่งไปด้วย นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาด้วยเรือทัวร์โดยสารระหว่างเกาะมาท่อง เที่ยวยังเกาะพะงัน


ตรงข้ามกับท่าเรือท้องศาลาก็คือเกาะแตในเกาะที่มีหาดทรายขาวยาวประมาณ 100 เมตร


นัก ท่องเที่ยวต่างชาติที่ชอบบรรยากาศและความสงบเงียบนิยมนั่งเรือเดินทางมาพัก ผ่อนนอนแอบแดดและเล่นกีฬาทางน้ำ เช่นวินเชิรฟ์กันเป็นประจำเพราะเกาะแตในตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือท้องศาลาระยะ ทางประมาณ1 กม. เท่านั้น


จาก ท่าเรือท้องศาลากัปตันเท่งพาเรือทัวร์ลัดเลาะผ่านมายังหาดในวก อ่าววกตุ่ม อ่าวหินกอง อ่าวศรีธนู หาดยาว หาดสลัดจนมาสิ้นสุดที่เกาะม้าใกล้กับอ่าวแม่หาด


เสียง กัปตันเรือเท่งตะโกนเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงใต้บอกกล่าวให้นักท่องเที่ยวได้ ทราบว่าเรือจะลอยลำอยู่ตรงบริเวณเกาะม้านี้ประมาณ 10 นาทีเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดำน้ำชมปะการังกัน หลังจากนั้นบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่โดยสารเรือทัวร์มาพร้อมกับเรา ต่างก็จัดแจงสวมชูชีพและหน้ากากดำน้ำลงจากเรือไปดำน้ำดูปะการังและหยอกล้อ เล่นกับฝูงปลาทะเลเป็นที่สนุกสนาน


กัปตัน เท่งเล่าให้เราสองคนฟังว่าบริเวณโดยรอบเกาะม้าแห่งนี้มีแนวปะการังมากมาย หลากหลายชนิดและฝูงปลาทะเลสีสันสวยงามมากบรรดาเรือทัวร์โดยสารบนเกาะพะงัน นิยมพานักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาดำน้ำดูปะการังที่รอบเกาะม้าและด้าน หน้าอ่าวแม่หาดกันเป็นประจำทุกวัน


และ ในช่วงเวลาน้ำลดลงมากๆจะปรากฏแนวสันทรายเป็นทางยาวหลายร้อยเมตรจากหาดแม่หาด เชื่อมต่อไปยังเกาะม้ากลายเป็นทะเลแหวกสวยไม่แพ้ทะเลแหวกที่จังหวัดกระบี่ เลยทีเดียว


แต่ ในช่วงเวลาที่เราสองคนเดินทางมาเป็นช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำทะเลท่วมสันทรายหมด เราจึงไม่มีโอกาสได้เห็นแนวสันทรายที่เชื่อมหาดแม่หาดกับเกาะม้าเข้าด้วยกัน


จาก เกาะม้ากัปตันเท่งพาเราออกเดินทางต่อผ่านอ่าวทองหลาง อ่าวโฉลกหลำชุมชนชาวประมงขนาดใหญ่บนเกาะพะงัน และหาดขวด จนในที่สุดกัปตันเท่งก็พาพวกเราเดินทาง
มาหยุดพักเรือที่หาดขวดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนเล่นน้ำกันบริเวณหาดขวด


หาดขวดมีลักษณะโค้งเว้าเป็นรูปครึ่งวงกลมความยาวหลายร้อยเมตรและเหนือบริเวณชายหาดขึ้นมาร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว


หาก ท่านได้ไปยืนที่กองหินหัวหาดจะเห็นหาดขวดมีลักษณะโค้งเว้าเป็นรูปครึ่งวงกลม และถ้ายืนอยู่บนหาดขวดสามารถมองเห็นเกาะเต่าได้อย่างชัดเจน


นอก จากนั้นบนหาดขวดยังมีรีสอร์ทที่เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวหลายรีสอร์ท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องกันทั้งนั้นและรีสอร์ทบนหาดขวดที่เราสองคนอยาก จะแนะนำก็คือ Bottle beach1Resort เจ้าของรีสอร์ทหนุ่มใหญ่ไฟแรงอัธยาศัยดีต้อนรับลูกค้าด้วยความเป็นกันเอง


สนใจติดต่อสำรองห้องพักได้ที่ (077) 445 151-2 (077) 445 126 Email: Info@Bottle1Resort.comหรือเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซด์ www.Bottle Beach1Rosort.com


สำหรับ เส้นทางถนนจากท่าเรือท้องศาลามายังหาดขวดกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงเส้น ทางระยะทางประมาณ 16 กม. ครึ่งหนึ่งเป็นถนนลูกรังเส้นทางค่อนข้างสูงชันแต่รถสองแถวโดยสารจากท่าเรือ ท้องศาลาสามารถเดินทางมาได้เพราะคนขับรถชำนาญทางเป็นอย่างดีแต่ถ้าเช่ารถ มอเตอร์ไซด์เดินทางมาท่องเที่ยวเองควรขับด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ


สำหรับ การเดินทางมายังหาดขวดวิธีที่สะดวกสบายที่สุดก็คือการเดินทางมาโดยทางเรือ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น หาดทรายบนหาดขวดขาวสะอาดบรรยากาศเงียบสงบนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน หย่อนใจนอนอาบแดดและอ่านหนังสือกันเป็นประจำ


ตลอด แนวชายหาดเราสองคนเดินบันทึกภาพตั้งแต่หัวหาดยันท้ายหาดจนเป็นที่พอใจจาก นั้นจึงเดินมานั่งพักผ่อนดื่มน้ำแก้กระหายกันที่ระเบียงห้องอาหารของรีสอร์ท พร้อมกับชื่นชมความสวยงามของหาดขวดจนสมควรแก่เวลา


จาก นั้นเสียงตะโกนเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงใต้จากกัปตันเท่งชักชวนให้นักท่อง เที่ยวที่เดินทางมาพร้อมกับเรือเร็กเก้โบ๊ตให้มาขึ้นเรือเพื่อออกเดินทางต่อ ไปยังหาดอื่นๆ


จาก หาดขวดกัปตันเท่งพาเราเดินทางต่อไปยังหาดท้องนายปานหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หาดท้องตาปาน ตามชื่อของตาปานที่ย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากบนชายหาดแห่งนี้ ซึ่งตาปานเคยมีชีวิตอยู่ในสมัยที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสเกาะพะงันเมื่อประมาณ 100 กว่าปีที่ผ่านมา


นัก ท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเคยเล่าให้พวกเราฟังว่า หาดท้องนายปานใหญ่และหาดท้องนายปานน้อยทั้งสองแห่งนี้เป็นชายหาดที่สวยที่ สุดบนเกาะพะงัน
บริเวณอ่าวมีลักษณะโค้งเว้าเข้ามาเป็นรูปครึ่งวงกลมหัน หน้าไปทางทิศตะวันออกโดยมีช่วงความกว้างภายในอ่าวมีความยาวถึง 1.5 กม. อ่าวทั้งสองอ่าวนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกันโดยมีโขดหินขนาดใหญ่มี ลักษณะเหมือนหัวแหลมกั้นอยู่ตรงกลาง


ทาง ด้านเหนือเรียกว่าอ่าวท้องนายปานใหญ่ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาเคยเป็นชุมชนชาว ประมงเก่าแก่รองลงมาจากอ่าวโฉลกหลำและมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการทำกะปิ ที่มีรสชาติอร่อยที่สุดบนเกาะพะงัน คนใต้เรียกกะปิว่า “เคย” ซึ่งเราสองคนเข้าใจผิดกันมาตลอดกับคำว่า “เคย” ที่เคยเข้าใจกันว่าหมายถึงกุ้งทะเลตัวเล็กๆนำมาทำเป็นกะปิซึ่งแท้ทีจริงแล้ว กะปิที่ทำมาจากลูกกุ้งเรียกว่า “เคยลูกกุ้ง” ส่วนกะปิที่ทำมาจากปลาก็คือ “เคยลูกปลา” สำหรับกะปิที่อ่าวท้องนายปานใหญ่นี้เป็นเป็นกะปิที่ทำมาจากลูกกุ้งราคาตก กิโลกรัมละ 150-200 บาท สำหรับเคยลูกกุ้งชั้นดีนั้นจะต้องจะต้องมีจุดดำๆเล็กๆซึ่งเป็นจุดดำของตาลูก กุ้งที่นำมาใช้ทำกะปิสามารถสังเกตได้ในเนื้อกะปิและจะมีกลิ่นหอมชวนให้น่า รับประทานเป็นยิ่งนัก ปัจจุบันหาดท้องนายปานใหญ่มีบ้านพักรีสอรท์เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ตลอดแนวชายหาดอยู่หลายแห่งด้วยกันซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นที่เราสองคนอยากจะแนะ นำให้แก่ท่านผู้อ่านที่เดินทางยังอ่าวท้องนายปานใหญ่แล้วมีความประสงค์ที่จะ พักค้างแรมคือ Cantral cottage Resort มีบริการบ้านพักทั้งแอร์และพัดลมในราคาที่เริ่มต้นตั้งแต่ 500-3000 บาทต่อคืนพร้อมเมนูอาหารทะเลสดๆ พร้อมกิจกรรมพายเรือคยัค นั่งรถ-เรือเที่ยวรอบเกาะพะงันมีบริการรถรับส่งจากบริเวณท่าเรือท้องศาลาถึง อ่าวท้องนายปานใหญ่ฟรี สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองห้องพักได้ที่ โทรศัพท์ 077 445 128 077 445 031 Emailcontact@centralcottage.net หรือคลิ๊กเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ที่ www.centralcottage.net


จาก อ่าวท้องนายปานใหญ่กัปตันเท่งนำเราสองคนเดินทางต่อมายังอ่าวท้องนายปานน้อย หรือที่ชาวบ้านบนเกาะพะงันเรียกกันว่าอ่าวท้องนายปานนุ้ย สำหรับชายหาดที่อ่าวท้องนายปานน้อยจะมีความกว้างขวางยาวไกลของหาดทรายน้อย กว่าอ่าวท้องนายปานใหญ่ แต่ในเรื่องของความสวยงามแล้วหาดท้องนายปานน้อยมีความสวยงามไม่ยิ่งหย่อนไป กว่าหาดท้องนายปานใหญ่เลย ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและความเป็นธรรมชาติ


ปัจจุบันทั้งหาดท้องนายปานน้อยและหาดท้องนายปานใหญ่ถูกจัดให้เป็นชายหาดที่มีความสวยงามและได้รับความนิยมพอๆกับหาดริ้นเลยทีเดียว


อ่าว ท้องนายปานใหญ่และอ่าวท้องนายปานน้อยดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวบนเกาะพะงัน และจากอ่าวท้องนายปานใหญ่ยัง
สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังหาดต่างๆ ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะพะงันได้อีกด้วย เช่น หาดธารเสด็จ หาดทองเหรง หาดน้ำตกที่อยู่ลงไปทางใต้ของเกาะพะงันได้อีกด้วย


จากอ่าวท้องนายปานน้อยกัปตันเท่งพาเราสองและคณะทัวร์เดินทางต่อไปยัง
อ่าว ธารเสด็จซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะพะงัน ห่างจากอ่าวท้องนายปานระยะทางไม่กี่กิโลเมตร และอยู่ห่างจากท่าเรือท้องศาลาระยะทางประมาณ13 กม.


ถ้า เดินทางมาโดยรถสองแถวจะใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง หาดธารเสด็จเป็นหาดเล็กๆ แต่ในเรื่องความสวยงามแล้วไม่น้อยหน้าหาดใดๆ บนเกาะพะงัน หน้าหาดกว้างขวางเม็ดทรายอาจจะไม่ละเอียดเหมือนกับหาดท้องนายปานแต่ก็เป็น ที่นิยมชมชอบของบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบน้ำ ทะเลใสสะอาดทุกๆวันจะแลเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมานอนอาบแดดเล่นน้ำ กันเป็นประจำ


บริเวณ หัวแหลมทั้งสองข้างที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหัวแหลมมะพร้าวมีบังกะโลบ้านพัก สร้างอยู่บนเขาไล่ระดับลงมาสู่แนวชายหาดส่วนปลายหัวแหลมมะพร้าวอีกข้างหนึ่ง ทางด้านขวามือมีสะพานไม้โย้เย้ทอดข้ามปากลำธารซึ่งเป็นน้ำจืดของน้ำตกธาร เสด็จไหลลงสู่ทะเลให้เราสองคนเดินข้ามไปยังอ่าวทองเหรงอ่าวเล็กๆ แต่บรรยากาศเงียบสงบ


เรา สองคนเดินหามุมบันทึกภาพของหาดธารเสด็จบนมุมสูงจนเป็นที่พอใจจากนั้นเราสอง คนจึงเดินเท้าเข้าไปด้านหลังชายหาดระยะทางประมาณ 150 เมตรก็จะถึงน้ำตกธารเสด็จ


น้ำตกประวัติศาตร์ที่ในอดีตพระมหากษัตริย์ไทยทรงเสด็จประพาสถึงสามพระองค์ด้วยกัน


ตาม หลักฐานรอยจารึกที่บริเวณโขดหินทางด้านขวามือซึ่งตั้งอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ บริเวณผนังหินมีจารึกอักษรพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึง สามพระองค์ด้วยกันอันได้แก่
จปร จ ๑๒๖๓ ร ศ ๑๒๐


คือรัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2444
ปปร๒๔๖๙ ๒๔๗๑


คือรัชกาลที่ 7 ทรงเสด็จประพาสเมื่อปี พ.ศ.2469 และพ.ศ.2471
ภปร 23 เมษายน พ.ศ. 2505


คือรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จประพาสเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2505
และ นอกจากนี้บริเวณริมลำธารน้ำธารเสด็จบริเวณฟากฝั่งตรงข้ามกับโขดหินจารึก อักษรพระปรมาภิไธยย่อสามรัชกาลนอกจากนี้ยังมีโขดหินก้อนหนึ่งมีรอยจารึก เป็นอักษรจีนย่อ จปร.รศ๑๑๙คือรัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาส เมื่อปีพ.ศ. 2443 ทั้งหมดนี้คือบันทึกเรื่องราวประวัติศาตร์ที่น่าสนใจของน้ำตกที่มีชื่อว่า ธารเสด็จแห่งนี้


เราสองคนเดินสำรวจและใช้เวลาเดินสำรวจโดยรอบบริเวณน้ำตกและเนื่องจากอยู่ในช่วงของฤดูร้อนปริมาณน้ำจึงมีน้อยกว่าในช่วงฤดูฝน


เรา เดินบันทึกภาพของตัวน้ำตกธารเสด็จจนสมควรแก่เวลาจากนั้นจึงพากันเดินเท้า กลับมายังชายหาดพบกับกัปตันเท่งเอ่ยปากชักชวนเราสองคนให้ร่วมรับประทานอาหาร กลางวันกันที่ร้านอาหารไม่เป็นไร ริมชายหาดธารเสด็จ


สำหรับ เมนูอาหารกลางวันส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลเช่นผัดเผ็ดปลาหมึกและที่จะขาดเสีย ไม่ได้ก็คือไข่เจียวรสชาติอร่อยแถมราคาก็ย่อมเยาอีกด้วย หลังจากจัดการกับอาหารกลางวันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากนั้นเราสองคนนั่งชมวิว ทิวทัศน์รับลมทะเลเล่นเย็นๆใจที่บริเวณชายหาดธารเสด็จซึ่งนอกจากจะมีที่พัก และร้านอาหารเปิดให้บริการแล้วยังมีบริการนวดแผนโบราณให้กับนักท่องเที่ยว ทั่วไปได้คลายเมื่อยอีกด้วย


สัก ครู่ใหญ่เสียงกัปตันเท่งก็ตะโกนให้ลูกเรือเตรียมตัวลงเรือเพื่อออกเดินทาง ต่อไป กัปตันเท่งพาเราสองคนและลูกทัวร์แล่นเรือผ่านเกาะกงธารเสด็จซึ่งมีลักษณะ เป็นเกาะเล็กๆปราศจากชาวบ้านอาศัยอยู่เพราะไม่มีแหล่งน้ำจืด


เกาะ กงธารเสด็จตั้งอยู่ห่างจากเกาะพะงันระยะทางประมาณ 200 เมตร เรือทัวร์แล่นผ่านโตรกผาหินอันสูงชันทางด้านทิศตะวันออกของเกาะพะงันเต็มไป ด้วยโพรงถ้ำเป็นที่อยู่อย่างดีของเหล่าลูกหลานแบทแมนและฝูงลิงแสม


ซึ่งพอได้ยินเสียงเรือหางยาวลูกหลานของหนุมานชาญสมรก็ปรากฏกายโผล่หน้ากันออกมาสลอนรอนักท่องเที่ยวให้อาหารและขนมนมเนย


จวบจนเวลาบ่ายคล้อยดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้ากัปตันเท่งพาเราสองคนและลูกทัวร์เดินทางผ่านหาดริ้นนอก


ซึ่ง เราสองคนสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลๆแต่ไม่มีโอกาสแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนเพราะ เวลาจวนเจียนใกล้ค่ำอยู่ผมนึกในใจเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยหาเวลาขับรถมาเที่ยวดี กว่า


และ ในที่สุดกัปตันเท่งก็พาลูกทัวร์มาส่งที่ท่าเรือหาดริ้นล่ำลาขอบคุณกับเป็น ครั้งสุดท้ายจากนั้นจึงพาเราสองคนแล่นเรือต่อไปยังท่าเรือบ้านใต้จุดหมาย ปลายทางสิ้นสุดการเดินทางเที่ยวรอบเกาะของเราในทริปนี้แต่เพียงเท่านี้


หลัง จากจัดการหาสถานที่จอดเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้วกัปตันเท่งหันมาชักชวนเราสอง คนให้ไปรับประทานอาหารค่ำกันที่บ้านซึ่งตั้งอยู่บนชายหาดบ้านใต้ไม่ไกลจาก รีสอร์ทที่พักของเราเท่าใดนัก เราสองคนตกปากรับคำเชิญชวนพร้อมกล่าวขอบคุณในความกรุณาของกัปตันเท่ง จากนั้นจึงออกเดินทางไปยังบ้านของกัปตันเท่งที่ตั้งอยู่บริเวณชายหาดบ้านใต้ ในทันที ดวงอาทิตย์กำลังเริ่มลาลับขอบฟ้าลงไปแล้วเราสองคนช่วยกันบันทึกภาพดวง อาทิตย์ยามอัสดงจากนั้นจึงนั่งสนทนาพร้อมกับรับประทานอาหารค่ำกับกัปตันเท่ง ด้วยความเอร็ดอร่อยกว่าทุกมื้อที่ผ่านมาเพราะอาหารมื้อนี้เป็นเมนูพื้นบ้าน ของชาวเกาะพะงันที่จะทำขึ้นในวันงานประเพณีที่สำคัญๆหรือในวันที่มีเพื่อน สนิทมิตรสหาย เดินทางมาเยี่ยมเยือนสำหรับเมนูอาหารพื้นบ้านในมื้อนี้ได้แก่น้ำพริก กะลิงปลิง แกล้มด้วยต้มกะทิยอดฟักทองอ่อน แกงเลียงยอดหญ้านาง-มะละกอ หมูโค(หมูกรอบ)รับประทานกับ ข้าวหุงกะทิร้อนๆ รสชาติหนุ่มนวลหอมกรุ่นด้วยกลิ่นกะทิสดจากสวนมะพร้าวของชาวเกาะพะงัน นับเป็นอาหารที่วิเศษสุดของเราเสียดายที่เป็นบรรยากาศยามค่ำคืนจึงพลาดโอกาส เก็บภาพเมนูอาหารรสเด็ดในมื้อนี้มาฝากท่านผู้อ่านแต่ถ้าสนใจอยากจะลองลิ้ม ชิมรสเมนูอาหารพื้นบ้านของชาวเกาะพะงันลองใช้บริการเรือทัวร์โดยสารรอบเกาะ พะงันของกัปตันเท่งหรือพี่รัตน์ เร็กเก้ของเรา ท่านผู้อ่านจะประทับใจในบริการไม่รู้ลืมสนใจติดต่อไปได้ที่ รัตน์ เร็กเก้ เกาะพะงันโทรศัพท์ 081 788-9143
หลังจากจัดการกับเมนูอาหารพื้นบ้านด้วย ความเอร็ดอร่อยเสร็จเรียบร้อยแล้วจากนั้นเราสองคนขอบคุณในน้ำใจไมตรีจิตอัน ดีพร้อมกับร่ำลากัปตันเท่งเดินทางกลับสู่บังกะโลที่พักเพื่อพักผ่อนหลังจาก เหน็ดเหนื่อยกับการนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะมาทั้งวัน พรุ่งนี้เราสองคนมีโปแกรมขับรถเที่ยวรอบเกาะพะงันกันสำหรับวันนี้ขอกล่าวคำ ว่าราตรีสวัสดิ์ครับ
วันที่สามของการเดินทาง


เราสองคนตื่นนอนแต่เช้าจากนั้นจึงขับรถเดินทางไปหาอาหารเช้ารับประทานกันที่ตลาดเกาะพะงัน


ระหว่าง นั่งรับประทานอาหารเราสองคนวางแผนขับรถมอเตอร์ไซด์ท่องเที่ยวบนเกาะพะงันโดย วางแผนกันว่าจะขับรถขึ้นไปทางทิศเหนือของเกาะพะงันเพราะเป็นเส้นทางราดยาง สภาพถนนดีแถมยังมีจุดชมวิวและหาดทรายสวยๆให้เลือกบันทึกภาพด้วย


เรา สองคนเริ่มต้นเดินทางกันที่ท่าเรือบ้านท้องศาลาอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรม รูปของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชบิดาแห่งกองทัพเรือไทยและเป็นชุมชนใหญ่ที่สุดบนเกาะพะงัน


เรา สองคนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปตามเส้นทางถนนลาดยางเรียบชายหาดขึ้นเนินลงเนินผ่าน หาดในวกซึ่งอยู่ในอ่าวที่เป็นรูปโค้งเว้าเหนือหาดทรายขึ้นมามีมะพร้าวขึ้น เรียงรายอยู่อย่างหนาแน่นบรรยากาศเงียบสงบ


ไม่ ไกลจากหาดในวกเท่าใดนักเป็นที่ตั้งของเกาะแตใน เวลาน้ำทะเลลดลงมากๆในบางวันแทบที่จะเดินเท้าข้ามจากเกาะพะงันไปยังเกาะแตใน ได้เลยทีเดียว


นอก จากนั้นถ้ายืนอยู่บนหาดในวกสามารถมองเห็นเกาะสมุยและมองเห็นท่าเรือท้องศาลา แหล่งชุมชนใหญ่ที่สุดบนเกาะพะงันมองเห็นเรือโดยสารเดินทางเข้าออกท่าเรือ ท้องศาลาได้ตลอดทั้งวัน


และ จากหาดในวกเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะพะ งันอีกด้วย ตลอดหาดในวกมีรีสอร์ทบ้านพักเรียงรายอยู่ตลอดแนวชายหาดที่มีความยาวหลาย กิโลเมตร เชื่อมต่อไปยังอ่าววกตุ่มโดยมีอ่าวปลายแหลมคั่นอยู่ตรงกลางเราสองคนขับรถ มอเตอร์ไซด์ไปตามเส้นทางถนนเลียบชายหาดอันคดเคี้ยววกวนจนถึงหาดวกตุ่มที่มี หาดทรายที่ทอดตัวยาวขาวนวลไปตลอดแนว


ถนน เลียบชายหาดอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทิวมะพร้าวที่ทอดตัวยาวตลอดแนวชายหาดวกตุ่ม ช่วยให้ชายหาดแห่งนี้สวยงามและคงความเป็นธรรมชาติตลอดไปและจากชายหาดวกตุ่ม สามารถมองเห็นเกาะแตในอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก และจากหาดวกตุ่มยังมีถนนเชื่อมต่อไปยังบ้านโฉลกหลำซึ่งอยู่ทางเหนือของตัว เกาะจากหาดวกตุ่มเราสองคนขับรถผ่านอ่าวหินกองถนนเลียบชายหาดเส้นนี้ค่อนข้าง จะอยู่ชิดติดกับชายหาดจึงทำให้ชายหาดแห่งนี้ดูแคบลงไปถนัดตาแต่เป็นเส้นทาง ที่น่าขับรถชมวิวมากที่สุดสายหนึ่งบนเกาะพะงันเพราะถนนอยู่ติดกับชายหาด ชายหาดบางช่วงไม่เหมาะกับการเล่นน้ำนักเพราะเป็นกองหินกระจัดกระจายอยู่ทั่ว


บริเวณ ชายหาดแต่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในยามดวงอาทิตย์ใกล้อัสดงน้ำทะเลลดลงมากๆ จะแลเห็นชาวบ้านจูงลูกเด็กเล็กแดงหิ้วกระป๋องมาเก็บหอยกลมบริเวณชายหาดหิน กองไปต้มกะทิรสชาติอร่อยอย่าบอกใครเชียว


นอก จากนั้นยังนำมาวางขายให้กับชาวบ้านที่เดินทางผ่านไปมาบริเวณอ่าวหินกองใน ราคาถุงละ 20-30 บาทอีกด้วย เราสองคนแวะบันทึกภาพของหาดหินกองจนพอใจจากนั้นจึงออกเดินทางต่อไปยังแหลม สนจนถึง อ่าวศรีธนู ซึ่งมีชายหาดที่ทอดตัวยาวเกือบหนึ่งกิโลเมตรตลอดแนวชายหาดมีเม็ดทรายขาว ละเอียดความลาดเอียงน้อยจึงสามารถลงเล่นน้ำได้เป็นอย่างดีบนชายหาดศรีธนูมี รีสอร์ทบังกะโลไม่หนาแน่นมากนักเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศ เงียบสงบเป็นส่วนตัว


ไม่ ไกลจากชายหาดมากนักเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านศรีธนูมีร้านอาหารท้องถิ่นขาย อาหารใต้รสชาติอร่อยและร้านขายของแบบโชว์ห่วยอยู่ภายในหมู่บ้านถ้ามีเวลา แนะนำให้ขับรถแวะเข้าไปเที่ยวชมหรือหาอาหารกลางวันรับประทานกันก่อนออกเดิน ทางต่อ จากหาดศรีธนูเราสองคนขับรถผ่านอ่าวเจ้าเภาและหาดสนจนมาถึงหาดยาวซึ่งถ้ามอง จากจุดชมวิวริมถนนบนเนินสูง


ก่อน ลงสู่ชายหาดจะเห็นหาดทรายขาวเป็นแนวยาวหลายกิโลเมตรสมกับชื่อหาดยาวเลยจริงๆ บรรยากาศบนชายหาดร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวและรีสอร์ทบ้านพักหลายระดับหลาย ราคาเรียงรายอยู่ตลอดแนวชายหาดและเมื่อขับรถลงมาถึงบริเวณชายหาดจะได้สัมผัส กับความสวยงามและความยาวของชายหาดยาวได้อย่างชัดเจน จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่าหาดยาวที่ยาวสมชื่อแห่งนี้จะได้รับความนิยมสูง สุดในบรรดาชายหาดด้านตะวันตกของเกาะพะงันและเป็นชายหาดที่มีนักท่องเที่ยว ต่างชาติมาท่องเที่ยวกันมากและกล่าวขานถึงมากที่สุดอีกด้วย


ใน ทุกๆวันจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมานอนอาบแดดและเล่นกีฬาบนหาดยาวกันเป็น จำนวนมากจากหาดยาวเราสองคนเดินทางต่อไปยังหาดสลัดซึ่งอยู่ถัดจากหาดยาวไป เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ชายหาดสลัดมีเม็ดทรายที่ขาวสะอาดมากน้ำทะเลก็ใสราวแผ่นกระจกระดับความลาด เอียงของชายหาดกำลังดีจึงสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย


ตลอด แนวความยาวของชายหาดสลัดร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวสลับกับทิวสนหาดสลัดมีลักษณะ โค้งเข้าหากันเป็นรูปครึ่งวงกลมบริเวณด้านหน้าหาดทรายมีแนวปะการังสามารถลง ดำน้ำชมความสวยงามของปะการังมากมายหลากหลายชนิดได้อีกด้วยเราสองคนใช้เวลา เดินเที่ยวชมความสวยงามของหาดสลัดจนสมควรแก่เวลาจากนั้นจึงออกเดินทางต่อไป ยังอ่าวแม่หาด


สำหรับ จุดเด่นของหาดแม่หาดซึ่งนอกจากจะมีชายหาดขาวเป็นแนวยาวหลายกิโลเมตรแล้วบน ชายหาดยังมีทรายเม็ดใหญ่ขาวสะอาดอีกด้วยหาดแม่หาดมีบรรยากาศที่สงบเงียบร่ม รื่นด้วยต้นมะพร้าวและทิวสนทะเลแล้วยังมีรีสอร์ทบ้านพักหลายระดับหลายราคา ให้เลือกใช้บริการร้านอาหาร ร้านให้เช่าอุปกรณ์ดำน้ำตลอดจนเคานเตอร์ทัวร์เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของหาดแม่หาดก็คือ เกาะม้า


เกาะ เล็กๆ เกาะหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับหาดแม่หาดซึ่งในยามน้ำทะเลลดลงมากๆจะปรากฏแนว สันทรายเชื่อมต่อไปยังเกาะม้าความยาวประมาณ 100 เมตร กลายเป็นทะเลแหวกซึ่งมีความสวยงามน้องๆ ทะเลแหวกที่จังหวัดกระบี่เลยทีเดียวนอกจากนั้นบริเวณโดยรอบของเกาะม้ายัง เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการัง


ซึ่ง เมื่อวานนี้กัปตันเท่งเคยพาเราสองคนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาดำน้ำชม ปะการังกัน เราสองคนเดินเที่ยวชมหาดแม่หาดและความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของสันทรายที่ เชื่อมต่อหาดแม่หาดและเกาะม้าเข้าด้วยกัน


หลัง จากที่เราสองคนเดินเที่ยวชมจนสมควรแก่เวลา จากนั้นจึงออกเดินทางไปยังบ้านโฉลกหลำชุมชนชาวประมงที่เก่าแก่และใหญ่เป็น อันดับสองของเกาะพะงันตั้งอยู่ทางเหนือของตัวเกาะห่างจากหาดแม่หาดและเกาะ ม้าไม่กี่กิโลเมตร


เรา สองคนหาอาหารกลางวันแบบง่ายๆรับประทานกันภายในชุมชนชาวประมงบ้านโฉลกหลำ หลังอาหารกลางวันเราสองคนชวนกันมาเดินเที่ยวเล่นกันที่สะพานปลาท่าเทียบเรือ บ้านโฉลกหลำเพื่อชมบรรยากาศชุมชนชาวประมงแห่งบ้านโฉลกหลำ แม้ว่าปัจจุบันอ่าวอื่นๆบนเกาะพะงันจะเลี่ยนแปลงไปมากแต่ที่อ่าวโฉลกหลำแล้ว กาลเวลาที่ผ่านมาหลายสิบปีไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวประมง แห่งบ้านโฉลกหลำไปได้เลย


สำหรับ อ่าวโฉลกหลำมีลักษณะโค้งเว้าเป็นรูปครึ่งวงกลมลึกเข้ามาในแผ่นดินใช้เป็นที่ หลบลมมรสุมของเรือประมงได้เป็นอย่างดีในช่วงฤดูมรสุมปลายสุดอ่าวทั้งสองข้าง เป็นภูเขาอ่าวโฉลกหลำถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยสะพานปลาท่าเทียบเรือ ส่วนทางด้านขวามือเป็นหาดทรายขาวยาวหลายร้อยเมตรเหนือหาดทรายขึ้นมาร่มรื่น ไปด้วยต้นมะพร้าวและทิวสนทะเลขึ้นเรียงรายอยู่ตลอดแนวชายหาดมีบังกะโลบ้าน พักราคาถูกเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวพร้อมร้านอาหารและร้านให้เช่า อุปกรณ์ดำน้ำส่วนทางด้านซ้ายมือเหนือหาดทรายขึ้นมาเป็นชุมชนชาวประมงบ้าน โฉลกหลำและบริเวณชายหาดใช้เป็นที่ตั้งของตะแกรงตากปลาหมึกแดดเดียวซึ่งเป็น สินค้าของฝากที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดของเกาะพะงัน มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ


ใน เรื่องรสชาติความอร่อยของปลาหมึกแดดเดียวแห่งบ้านโฉลกหลำบนเกาะพะงันนักท่อง เที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังอ่าวโฉลกหลำนิยมซื้อปลาหมึกแดดเดียวเป็นของ ฝากติดไม้ติดมือไปฝากคนทางบ้านกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธุ์-เมษายน ฝูงปลาหมึกจะยกพลมาชุมนุมกันที่อ่าวโฉลกหลำโดยมิได้นัดหมายชาวประมงจะจับปลา หมึกได้มากที่สุดในช่วงนี้และรสชาติของปลาหมึกจะอร่อยที่สุดก็ในช่วง 2-3 เดือนนี้


ซึ่ง นับว่าเป็นความโชคดีของเราสองคนที่เดินทางมายังอ่าวโฉลกหลำในช่วงเดือนนี้ ด้วยเช่นกัน เราสองคนเดินเที่ยวชมบรรยากาศบริเวณท่าเรือบ้านโฉลกหลำชมกรรมวิธีการตากหมึก และทดลองชิมหมึกแดดเดียวทอดดูรสชาติอร่อยสมกับคำร่ำลือจริงๆ
จากนั้น เราสองคนจึงเดินเท้ามาเยี่ยมเยือน พี่น้อย หรือคุณประเสริฐ ลิ้มโอชากุลคนเก่าแต่ไม่แก่แห่งบ้านโฉลกหลำที่รู้จักคุ้นเคยกับเราทั้งสองคน มานานแรมปี


พี่ น้อยประกอบอาชีพทางการทำประมงบ้านโฉลกหลำมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่มมีเรือไดหมึก หลายลำและร้านจำหน่ายสินค้าของฝากจากบ้านโฉลกหลำบนเกาะพะงันชื่อว่า “ร้านสายน้ำผึ้ง” จำหน่ายของฝากอาทิเช่น หมึกแดดเดียว หมึกสดแช่แข็ง กะปิกุ้งเคย ฯลฯ ส่งขายไปทั่วประเทศไทย


พอ เราสองคนทักทายไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกับพี่น้อยเสร็จสรรพจากนั้นพี่น้อยจึง หายเข้าไปในครัวสักครู่ใหญ่จึงเดินกลับออกมาพร้อมกับปลาดาบแดดเดียวทอดจาน ใหญ่ พี่น้อยแนะนำให้เราสองคนลองชิมดูซึ่งเมื่อเราสองคนลองชิมดูแล้วบอกได้คำ เดียวว่าอร่อยจริงๆ เหมาะสำหรับกินกับข้าวสวยหรือข้าวต้มร้อนๆ พี่น้อยเล่าให้เราสองคนฟังว่าปลาดาบแดดเดียวไม่ใช่ว่าจะหากินกันได้ง่ายๆ เพราะตลอดทั้งปีจะมีปลาดาบแดดเดียวให้กินกันในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ถึง เมษายนนี้เท่านั้นเหมือนกับปลาหมึก


ส่วน สาเหตุที่เดือนนี้มีปลาดาบชุกชุมก็เพราะว่าปลาดาบจะว่ายน้ำตามปลาหมึกเข้ามา ในอ่าวโฉลกหลำเพื่อกินปลาหมึกเป็นอาหาร ชาวประมงไดหมึกขึ้นมาพร้อมกับมีปลาดาบติดอวนขึ้นมาด้วยถือว่าเป็นผลพลอย ได้ สำหรับในเรื่องรสชาติความอร่อยของปลาดาบแดดเดียวพี่น้อยเล่าให้เราสองคนฟัง ว่า เมื่อหลายปีที่ผ่านมาเมื่อครั้งอดีตนายกรัฐมนตรีนายชวนหลีกภัยได้มีโอกาส เดินทางมาตรวจราชการเยี่ยมเยือนราษฎรที่บ้านโฉลกหลำบนเกาะพะงันพี่น้อยจัด แจงทอดปลาดาบแดดเดียวมาให้นายหัวชวนลองชิมดู หลังจากนั้นนายหัวชวนเกิดติดใจในรสชาติของปลาดาบแดดเดียวก่อนเดินทางกลับ จังหวัดตรังแอบย่องมาซื้อปลาดาบและหมึกแดดเดียวที่ร้านสายน้ำผึ้งของพี่น้อย ไปฝากแม่ถ้วนที่จังหวัดตรังหลายกิโล แม่ถ้วนเกิดติดอกติดใจในรสชาติของปลาดาบแดดเดียวส่วนปลาหมึกแดดเดียวเห็นท่า ว่าแม่ถ้วนจะเคี้ยวไม่ไหวแน่ นายหัวชวนก็เลยโทรศัพท์มาสั่งปลาดาบแดดเดียวให้พี่น้อยจัดส่งทางไปรษณีย์ไป ให้แม่ถ้วนที่จังหวัดตรังกินแกล้มกับแกงส้มและแกงไตปลารสชาติ หรอย อย่าบอกใครเชียว สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจอยากจะลองลิ้มชิมรสของหมึกแดดเดียวหรือปลาดาบแดด เดียวว่าจะอร่อยสมกับคำร่ำลือหรือไม่สามารถติดต่อไปได้ที่โทรศัพท์ 077 374 270 หรือ 089 647 7974 ยินดีจัดส่งให้ทั่วประเทศไทยแต่ถ้าไม่อร่อยสมกับคำร่ำลือพี่น้อยยินดีให้ต่อ ว่าแต่ไม่คืนเงินให้ เราสองคนไม่ลืมที่จะซื้อปลาหมึกและปลาดาบแดดเดียวติดไม้ติดมือไปฝากคนทาง บ้านในราคาหมึกแดดเดียวเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ200 บาท ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของหมึกถ้าตัวใหญ่หน่อยราคาก็จะแพงกว่าตัวเล็ก เราใช้เวลาพูดคุยกับพี่น้อยจนสมควรแก่เวลา จากนั้นจึงร่ำลาพี่น้อยชาวประมงแห่งบ้านโฉลกหลำก่อนเดินทางกลับพี่น้อยได้ เอ่ยปากชักชวนเราสองคนให้มาออกเรือไดหมึกในค่ำคืนนี้อีกด้วยซึ่งเราสองคนตอบ ตกปากรับคำในทันที คืนนี้เจอกันครับพี่น้อย จากนั้นจึงขับรถเดินทางต่อไปบนเส้นทางบ้านโฉลกหลำ-ท่าเรือท้องศาลาซึ่งเป็น เส้นทางถนนสายเก่าตัดผ่านกลางเกาะปัจจุบันได้รับการปรับปรุงพื้นผิวถนนลาด ยางใหม่เส้นทางถนนเป็นวงกลมระยะทาง20 กม. เราสองคนขับรถผ่านทางเข้าน้ำตกพาราไดซ์น้ำตกขนาดเล็กที่จะมีน้ำมากในช่วงฤดู ฝนเท่านั้นซึ่งเราสองคนไม่ได้แวะเข้าไปเที่ยวชมจนในที่สุดมาแวะนมัสการเจ้า แม่กวนอิมที่วัดเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือบ้านโฉลกหลำระยะทางไม่กี่กิโลเมตร


สำหรับ วัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ด้านหน้าของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมมีระเบียงยื่นออกมาสามารถมองเห็นวิว ทิวทัศน์ของอ่าวโฉลกหลำที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะพะงันได้ย่างชัดเจน


เรา สองคนสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลวัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ได้ความว่า ชาวไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋วที่อาศัยอยู่บนเกาะพะงันและชาวจีนแต้จิ๋วที่อาศัย อยู่ในเมืองไทย ตลอดจนผู้ที่มีจิตศรัทธาทั่วไปต่างบริจาคทุนทรัพย์กันคนละเล็กคนละน้อยสร้าง วัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ขึ้นมาบนเกาะพะงัน


เจตนา ก็เพื่อให้ชาวเกาะพะงันและประชาชนทั่วไปได้กราบไหว้สักการะบูชาเป็นสิริมงคล แก่ตนเองและครอบครัว หลังจากกราบนมัสการองค์เจ้าแม่กวนอิมพร้อมทั้งเดินเที่ยวชมบรรยากาศภายใน วัดจนสมควรแก่เวลาจากนั้นจึงเดินทางบนเส้นทางสายนี้ผ่าใจกลางเกาะลงมายังทาง ทิศใต้มายังบ้านท้องศาลา


ระหว่าง ทางเราสองคนเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังทางเข้าวัดมะเดื่อหวาน ระยะทางประมาณสามกิโลเมตรก็เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จเกาะพะ งัน จัดการจอดรถที่ลานจอดรถของอุทยานจัดการชำระเงินค่าธรรมเนียมท่อง เที่ยวภายในอุทยานฯ คนละ 20 บาท


จาก นั้นจึงดินเท้าเข้าไปท่องเที่ยวยังภายในอุทยานฯ เผอิญเป็นโชคดีของเราทั้งสองคนที่ได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานฯ คนหนึ่งซึ่งพาเราสองคนเดินเท้าเข้าเที่ยวชมภายในอุทยานฯ พร้อมเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของอุทยานน้ำตกธารเสด็จเกาะพะงันให้เรา สองคนฟังว่า

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2510 หรือเมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมาก่อนที่พื้นที่แถวนี้จะถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติพื้นที่ ป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้โดยพระครูสุภัทรธรรมาภิรม เจ้าอาวาสวัดราษฏร์เจริญบนเกาะพะงันที่เราสองคนเดินทางเข้าไปกราบนมัสการ ท่านพระครูฯในวันแรกที่เดินทางมาถึงเกาะพะงัน ซึ่งต่อมาท่านได้ร่วมมือกับชายบ้านบนเกาะพะงันจัดตั้งและประกาศให้พื้นที่ แถบนี้เป็นเขตอนุรักษ์ในนามของวนอุทยานการุณเมตต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 จนกระทั่งปีพ.ศ. 2520 จึงได้มอบพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้ดูแลจนกลายมาเป็นอุทยานแห่งชาติน้ำตกธาร เสด็จ เกาะพะงันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ นอกจากความสวยงามของน้ำตกแพงแล้วภายในป่าดิบทึบและป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ของ อุทยานฯเป็นแหล่งของกล้วยไม้หายากนานาชนิดตลอดจนสิงสาราสัตว์มากมายหลากหลาย ชนิด อาทิเช่น ค่างแว่นถิ่นใต้ หมูป่า นกนานาชนิด โดยเฉพาะกวางที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานนำมาปล่อยไว้บนเกาะพะงันเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันออกลูกอออกหลานเพิ่มประชากรกวางมากมายหลายร้อยตัวและอาศัยอยู่ในป่า บนเกาะพะงันด้วยความปลอดภัยเพราะชาวเกาะพะงันถือว่ากวางเหล่านี้เป็นของ เสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 ห้ามคนมาล่าหรือรังแกโดยเด็ดขา ดกวางเหล่านี้จึงอาศัยอยู่ในป่าบนเกาะพะงันขยายเผ่าพันธุ์ประชากรกวางอย่าง มีความสุขมาจนทุกวันนี้ อุทยานฯ มีต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์คือต้นพะงาหรือต้นวา


สำหรับภูมิ ประเทศส่วนใหญ่บนเกาะพะงันประมาณร้อยละ77 เป็นที่ราบตามหุบเขาและเทือกเขาสูงทอดตัวยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ของ เกาะ สำหรับยอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะพะงันคือยอดเขาหรา ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตัวเกาะมีความสูง 627 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญบนเกาะพะงัน
ซึ่งในอดีตเมื่อ สิบกว่าปีที่ผ่านมาผมและพี่น้องผองเพื่อนก็เคยเดินเท้าพิชิตยอดเขาหราแห่ง นี้มาแล้วซึ่งกว่าจะเดินเท้าขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวบนยอดเขาหราได้ก็ทำเอาแต่ละ คนน้ำลายเหนียวคอไปตามกัน


แต่ เมื่อขึ้นไปบนจุดชมวิวได้แล้วความเหนื่อยแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเพราะวิว ทิวทัศน์บนจุดชมวิวยอดเขาหราในวันที่ฟ้าสวยแดดใสนั้นสวยงามเกินคำบรรยาย สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แบบสุดสายตาพานอราม่าของอ่าวโฉลกหลำได้ทั้งหมดและ มองไปได้ไกลจนถึงเกาะเต่าและเกาะสมุยได้อย่างชัดเจน


แต่ ในวันนี้สังขารร่วงโรยไปตามกาลเวลาถ้าจะให้ผมเดินเท้าขึ้นเขาหราอีกครั้งใน เวลานี้ไม่รู้ว่าจะเดินขึ้นไปถึงยอดเขาหราหรือเปล่าอาจจะหามกลับลงมากลางทาง เข้าวัดมะเดื่อหวานแทนหามเข้าโรงพยาบาลก็เป็นได้ นอกจากพื้นที่การรับผิดชอบทางบกแล้วทางอุทยานฯ ยังรวมเอาพื้นที่ท้องทะเลและบรรดาเกาะเล็กเกาะน้อยรอบๆเกาะพะงันอันได้แก่ เกาะแตนอก เกาะแตใน หมู่เกาะว่าวและบางส่วนของเกาะเต่าซึ่งเมื่อรวมพื้นที่ป่าและทะเลเข้าด้วย กันแล้วอุทยานฯ จะมีพื้นที่ถึง 41,250ไร่ ภายใน อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จเกาะพะงันมีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยวหนึ่ง หลังนอกจากนั้นยังมีเต็นท์ให้เช่าหรือจะนำเต็นท์มาเองก็ได้สอบถามรายละเอียด ได้ที่โทรศัพท์ 077238 275 หรือที่ ตู้ป.ณ.1 อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84280


เรา ทั้งสองคนใช้เวลาเดินเที่ยวชมและศึกษาธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกธาร เสด็จเกาะพะงันจนเวลาบ่ายคล้อยจวนเจียนดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้ามาหามุม ถ่ายภาพพระอาทิตย์ที่สวยๆกันเถอะ


หาด ในวกทางทิศใต้ของเกาะพะงันห่างจากท่าเรือท้องศาลาระยะทางไม่กี่กิโลเมตรคือ เป้าหมายของเราในการชมพระอาทิตย์ตกที่เราสองคนเล็งไว้เมื่อเช้านี้


เรา สองคนเดินทางมาถึงหาดในวกเมื่อจวนเจียนดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าจัดแจงหามุม ตั้งกล้องบันทึกภาพจากนั้นทำการบันทึกภาพดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า


เมื่อได้ภาพสวยๆ จนเป็นที่น่าพอใจแล้วจากนั้นเราทั้งสองจึงออกเดินทางไปยังตลาดเกาะพะงันเพื่อหาอาหารค่ำรับประทาน


หลัง จากจัดการกับอาหารค่ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากนั้นเราสองคนจึงออกเดินทางกลับ ไปยังอ่าวโฉลกหลำเพื่อลงเรือประมงออกทะเลไปไดหมึกตามที่ได้นัดหมายไว้กับพี่ น้อยแห่งร้านสายน้ำผึ้ง เราสองคนขับรถฝ่าความมืดย้อนกลับมาบนถนนสายท่าเรือท้องศาลา-บ้านโฉลกหลำระยะ ทางประมาณ10 กิโลเมตร ด้วยความระมัดระวัง


จน ในที่สุดก็เดินทางมาถึงท่าเรือบ้านโฉลกหลำซึ่งเรือไดหมึกของพี่น้อยกำลังจอด คอยเราสองคนอยู่ จากนั้นเราสองคนไม่รอช้าจัดแจงขนสัมภาระลงเรือไดหมึกและเมื่อทุกอย่างเรียบ ร้อยแล้วจากนั้นพี่น้อยจึงสั่งกัปตันเรือไดหมึกให้หันหัวเรือแล่นฝ่าความมืด บ่ายหน้าออกสู่ทะเลในทันที


เรือ ไดหมึกใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ก็มาลอยลำเปิดไฟสปอร์ตไลท์อยู่บริเวณด้านหน้าของเกาะม้าซึ่งเราเห็นเป็นเงา ตะคุ่มดำอยู่ไม่ไกลจากเรือไดหมึกเท่าใดนัก จากนั้นกรรมวิธีการไดหมึกก็ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยแสงไฟสปอร์ตไลท์จากเรือได หมึกถูกเปิดให้ความสว่างไสวไปทั่วบริเวณท้องทะเลโดยรอบเรือไดหมึกเพื่อล่อ ให้ฝูงปลาหมึกที่ว่ายวนเวียนอยู่โดยรอบเรือไดหมึกนั้นมาเล่นกับแสงไฟสปอร์ต ไลท์


พอฝูงปลาหมึกรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ไต้ก๋งเรือก็จะตะโกนสั่งลูกเรือให้ดับไฟสปอร์ตไลน์บนเรือไดหมึก


จากนั้นจึงสาวรอกไดหมึกให้ขึ้นมาพ้นจากผิวน้ำ


ฝูงหมึกจะตาลายว่ายเข้ามาติดภายในอวนกันเป็นจำนวนมากจากนั้นอวนไดหมึกก็จะถูกยกขึ้นมาวางไว้บนกลางเรือไดหมึก


เหล่า หมึกที่ติดมากับอวนก็จะแสดงพิษสงพ่นน้ำหมึกสีดำออกมาข่มขวัญศัตรูจากนั้นก็ จะเป็นกรรมวิธีการคัดแยกหมึกขนาดต่างๆโดยลูกเรือชาวประมง


ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าทำการคัดเลือกปลาหมึกลงในตะแกรง พลาสติกที่ได้จัดเตรียมไว้เก็บไว้ในตู้แช่แข็งจึงเป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการ ไดหมึก


จาก นั้นไต๋กงเรือก็จะสั่งให้ลูกเรือปล่อยอวนไดหมึกลงในทะเลเพื่อเริ่มต้นการได หมึกต่อไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่


จึง จะนำเรือไดหมึกกลับเข้าสู่ท่าเรือโฉลกหลำเพื่อทำการคัดเลือกแปรรูปหมึกสดที่ จับมาได้ส่งขายตลาดต่อไป พี่น้อยเล่าให้เราสองคนฟังว่าในคืนเดือนมืดเช่นในวันนี้จะจับหมึกได้มากที่ สุดและดีที่สุดกว่าคืนเดือนหงายและเดือนที่จะจับหมึกได้ดีที่สุดอยู่ในช่วง ระหว่างเดือนกุมภาพันธุ์-เมษายนของทุกปีพอย่างเข้าสู่เดือนพฤษภาคมลมพัทยา พัดผ่านมาปริมาณของหมึกก็จะลดน้อยลงจนในที่สุดก็จะไม่มีให้จับไม่รู้ว่าปลา หมึกหนีไปจำศีลกันที่ไหนหมด สำหรับช่วงเวลาของการจับปลาหมึกเช่นในเดือนนี้บางคืนสามารถจับปลาหมึกได้ถึง คืนละ 200-500 กิโลกรัม ซึ่งนอกจากจะจับหมึกได้แล้วยังจับได้ปลาดาบเป็นผลพลอยได้ว่ายมาติดอวนอีก ด้วยเพราะปลาดาบจะว่ายน้ำตามไล่กินปลาหมึกเป็นอาหารจนในที่สุดก็จะว่ายน้ำมา ติดกับในอวนไดหมึกจนนำไปสู่เรื่องราวของการทำหมึกแดดเดียวและปลาดาบแดดเดียว วางขายอยู่ทั่วไปในหมู่บ้านโฉลกหลำที่เราเห็นอยู่ในทุกวันนี้
สำหรับปลา หมึกที่จับมาได้ส่วนใหญ่จะเป็นหมึกหอมและหมึกกล้วยราคาก็จะแตกต่างกันออกไป หมึกหอมสดจะตกกิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนหมึกกล้วยสดจะตกกิโลกรัมละ 60 บาท สำหรับหมึกสดน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม แต่เมื่อนำมาตากแห้งแล้วน้ำหนักจะเหลือเพียงแค่หนึ่งกิโลกรัมเท่านั้นทำให้ ปลาหมึกตากแห้งราคาขายจะแตกต่างกันออกไปจากหมึกสดเพราะปลาหมึกแห้งจะมี น้ำหนักเบากว่าปลาหมึกสดสำหรับราคาขายปลาหมึกแห้งก็อยู่ที่ตามขนาดความเล็ก ใหญ่ของปลาหมึกโดยจะเริ่มต้นตั้งแต่กิโลกรัมละ 200-500 บาทต่อกิโลกรัม


เรา สองคนนั่งชมพร้อมบันทึกภาพการไดหมึกที่ท่านผู้อ่านน้อยคนนักจะได้เห็นการได หมึกของชาวประมงแห่งบ้านโฉลกหลำประกอบกับเดือนมีนาคมเป็นเดือนที่มีปลาหมึก ชุกชุมมากเป็นพิเศษ กิจกรรมการไดหมึกจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนานจากนั้นพี่น้อยจึงสวมวิญญาณ พ่อครัวใหญ่ปรุงอาหารแบบพื้นบ้านชาวเกาะให้เราสองคนรับประทานโดยการต้มหมึก แบบพื้นบ้านที่นิยมรับประทานกันคือจัดการใส่ปลาหมึกสดทั้งตัวลงไปในหม้อน้ำ ที่เดือดภาษาพื้นบ้านเรียกว่าต้มเปรตหมึก ปลาหมึกจะขับน้ำหมึกออกมาจากตัวหมึกเป็นสีดำจากนั้นจึงย กลงจากเตามารับประทานรสชาติอร่อยดีแท้ เราสองคนนั่งกินต้มเปรตหมึกและหมึกสดย่างแกล้มเบียร์เย็นๆ ด้วยความเอร็ดอร่อยจนคลอเรสเตอรอลในตัวพุ่งกระฉูดพอหนังท้องตึงหนังตาก็ เริ่มหย่อนที่เราสองคนเคยคุยกับพี่น้อยไว้ว่าจะอยู่ดูการไดหมึกจนสว่างคาตา บัดนี้เห็นท่าจะไม่ไหวแล้ว เพราะเมาทั้งคลื่นเมาทั้งเบียร์เสียดายหมึกที่อยู่ในท้องจะออกมาเป็นอาหาร กุ้งหอยปูปลาในทะเล


กระซิบ บอกพี่น้อยขอตัวกลับเข้าฝั่งก่อนกำหนดเพี่อพักผ่อนซึ่งพี่น้อยก็ตอบตกลง เพราะเริ่มจะเมาแล้วเหมือนกัน จากนั้นเราสองคนจัดการขนสัมภาระลงเรือหางยาวเดินทางกลับเข้าสู่ท่าเรือบ้าน โฉลกหลำด้วยความปลอดภัย สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันแล้วมีความประสงค์ อยากจะออกทะเลไปเที่ยวชมการไดหมึกและตกหมึกเหมือนกับเราทั้งสองคนสามารถ ติดต่อได้ที่พี่น้อย แห่งร้านสายน้ำผึ้ง แต่ขอเรียนให้ทราบเสียก่อนว่าเดือนที่จะชมการไดหมึกได้สนุกที่สุดนั้นจะอยู่ ในระหว่างเดือนกุมภาพันธุ์ถึงเดือนเมษายนเท่านั้น


ซึ่ง หลังจากนั้นลมพัทยาจะพัดผ่านคลื่นลมในทะเลเริ่มมีกำลังแรงขึ้นปลาหมึกจะหนี หายไปจำศีลกันหมดซึ่งหลังจากเดือนเมษายนผ่านพ้นไปแล้วชาวประมงจะไม่นิยมออก เรือไปไดหมึกกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนเดือนหงาย นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันแล้วสนใจจะชมการไดหมึกและ ตกหมึกที่อ่าวโฉลกหลำสามารถติดต่อได้ที่ร้านสายน้ำผึ้ง บ้านโฉลกหลำ โทรศัพท์ 077 374093-5 ,077 374 270 หรือที่ ยูโทเปียรีสอร์ท โทรศัพท์ 077 374 093-5


จาก เรือไดหมึกที่จอดลอยลำอยู่กลางทะเลเราสองคนและพี่น้อยเดินทางด้วยเรือหาง ยาวกลับเข้าสู่ท่าเรือบ้านโฉลกหลำเมื่อเวลาจวนเจียนจะเดินทางเข้าสู่วันใหม่ เราสองคนกราบอำลาพี่น้อยและขับรถด้วยความระมัดระวังเดินทางกลับสู่บังกะโล บ้านพักที่หาดบ้านใต้พรุ่งนี้เช้าเราสองคนมีโปรแกรมจะเดินทางไปเที่ยวยังหาด ริ้นกัน คืนนี้ขอกล่าวคำว่าราตรีสวัสดิ์ครับ
วันที่สี่ของการเดินทาง


เช้า วันที่สี่วันสุดท้ายบนเกาะพะงันวันนี้เราสองคนตื่นสายกว่าปกติ เพราะเมื่อคืนนี้นอนดึกสาเหตุเพราะออกไปไดหมึกกับพี่น้อย หลังจากปฎิบัติภารกิจส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเราสองคนจึงขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไปยังตลาดเกาะพะงันเพื่อหาอาหารเช้า รับประทาน สำหรับอาหารเช้าของเราในวันนี้ได้แก่ขนมจีนน้ำยาใต้ตบท้ายด้วยกาแฟข้าว เหนียวปิ้ง


ระหว่าง นั่งรับประทานอาหารเช้าเราทั้งสองคนปรึกษากันว่าก่อนที่จะเดินทางกลับ กรุงเทพในช่วงบ่ายวันนี้ ช่วงเช้าเราสองคนยังมีเวลาเหลือพอที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังหาดริ้นในและ นอกที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ปลายสุดของเกาะพะงัน แต่การเดินทางไปท่องเที่ยวยังหาดริ้นด้วยรถมอเตอร์ไซด์นั้นเป็นการเสี่ยง เกินไปเพราะถนนหนทางไปยังหาดริ้นนั้นถึงแม้ว่าจะได้รับการปรับปรุงถนนหนทาง ราดยางเป็นอย่างดีแล้ว แต่ถนนบางช่วงยังสูงชันและคดเคี้ยววกวนเหมือนเช่นเดิมซึ่งถ้าเราสองคนขับรถ ไม่ชำนาญทางแล้วละก็มีสิทธิที่จะขับรถลงเหวข้างทางได้ง่ายๆ เพราะเส้นทางจากท่าเรือท้องศาลาไปยังหาดริ้นระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตรนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง เราสองคนจึงตกลงกันว่าจะฝากรถมอเตอร์ไซด์ไว้ที่ร้านอาหารจากนั้นก็จะเช่า เหมานั่งรถสองแถวไปยังหาดริ้น


 จากนั้นเราสองคนจึงติดต่อรถสองแถวของ ลุงสินาท เทศเจริญโชเฟอร์ขับรถโรงเรียนวิ่งรับส่งนักเรียนระหว่างบ้านท้องศาลา-บ้าน โฉลกหลำ ที่จอดรถรอรับนักเรียนเวลาโรงเรียนเลิกในช่วงบ่ายอยู่ที่บริเวณตลาดเกาะพะ งันทำให้ ลุงสินนาท เทศเจริญ มีเวลาว่างในช่วงเช้าแกจึงขันอาสาพาเราทั้งสองคนเดินทางไปยังหาดริ้น โดยคิดแต่เพียงแค่ค่าน้ำมันเพียง 200 บาทเท่านั้นซึ่งโดยปกติแล้วจะรถสองแถวรับจ้างไปส่งยังหาดริ้นคนละ1 00 บาทไป-กลับคนละ200 บาท จากนั้นลุงสินาทจึงขับรถสองแถวพาเราสองคนออกเดินทางไปตามเส้นทางถนนสายท่า เรือท้องศาลา-หาดริ้น ผ่านหาดบ้านใต้ หาดบ้านค่ายจากนั้นก็จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยววกวนจนบางช่วงลุงสินาถ ต้องขับรถด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก


พร้อม เล่าให้เราสองคนฟังว่าในสมัยก่อนการเดินไปยังหาดริ้นในและนอกสามารถเดินทาง ไปได้โดยทางเรือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นต่อมาทางเทศบาลได้ทำการสร้างถนนตัด ผ่านภูเขาและสร้างรั้วเหล็กกั้นกันรถตกลงไปในเหวข้างทางเกือบตลอดแนวแต่ เส้นทางถนนสายนี้ก็ยังไม่วายเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ฝรั่งต่างชาติเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเอาชีวิตมาทิ้งด้วยความประมาทบนเส้นทาง สายนี้ก็หลายคนบาดจ็บพิการไปก็เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงวันฟูลมูนปาร์ตี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาร่วมงานที่หาดริ้นกันเป็นจำนวนมากซึ่งพอ เมามายขาดสติก็จะขับรถด้วยความคึกคะนองขาดความระมัดระวังทำให้เกิด อุบัติเหตุเป็นประจำ บางช่วงบน เส้นทางถนนสายนี้มีวิวทิวทัศน์สวยงามมากสามารถมองเห็นเกาะสมุยได้อย่าง ชัดเจน เราใช้เวลาเดินทางด้วยความไม่ประมาท


ไม่ นานนักในที่สุดลุงสินาถก็พาเราสองคนผ่านโค้งอันตรายเดินทางมาถึงหาดริ้นได้ ด้วยความปลอดภัย ซึ่งถือว่าเราสองคนตัดสินใจถูกแล้วที่จ้างลุงสินาถให้ขับรถสองแถวมาส่งยัง หาดริ้นเพราะถ้าขับรถมอเตอร์ไซด์เดินทางมาลำพังด้วยตัวเองมีสิทธิเดินทางมา ไม่ถึงหาดริ้นเพราะรถมอเตอร์ไซด์ที่เราขับมาอาจจะแหกโค้งลงไปนอนหลับฝันดี ที่ในหุบเหวข้างทางก็เป็นได้


บรรยากาศ ยามเช้าในวันอาทิตย์ถนนหนทางก่อนเข้าสู่หาดริ้นนั้นเงียบสงบแต่จะกลับมาครึก ครื้นเต็มไปด้วยแสงสีความศิวิไลซ์ในช่วงยามค่ำคืน เสียงเพลงเร็กเก้ของบ็อบ เม่อร์เลย์ จะดังกระหึ่มขึ้นตามบาร์ร้านอาหาร และผับต่างๆบนถนนสายนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินกันอย่างขวักไขว่ แต่ในยามเช้าเช่นนี้บรรยากาศช่างเงียบสงบดีเหลือเกิน


บริเวณ หาดริ้นนอกมีโรงเรียนบ้านหาดริ้น สถานีตำรวจ ธนาคารสำหรับแลกเปลี่ยนเงินตรา ตลอดจนบังกะโลที่พักหลายระดับหลายราคาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการ


เช่น Phang Bayshore Resort ตั้งอยู่บริเวณชายหาดริ้น สนใจติดต่อและสำรองที่พักได้ที่ 077 375224 077 375227หรือที่ e-mai info@phanganbayshore.com หรือเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ที่www.phanganbayshore.com


เรา สองคนเดินเล่นพร้อมถ่ายภาพไปตามถนนบนหาดริ้นนอกจนเป็นที่พอใจแล้วจากนั้น จึงเดินลงมาเที่ยวบนหาดทรายของหาดริ้นนอกซึ่งในวันธรรมดาแล้วบรรยากาศเงียบ สงบแตกต่างจากวันที่มีฟูลมูนปาร์ตี้โดยสิ้นเชิง


นัก ท่องเที่ยวต่างชาตินอนอาบแดด อ่านหนังสือ บางคนพักผ่อนหย่อนใจด้วยการลงเล่นน้ำ เล่นกีฬาต่างๆ บริเวณหาดทราย อาทิเช่น วอลเลย์บอลชายหาด ฟุตบอลชายหาด ร่อนจาน ควงขวดบางคนก็ฝึกฝนการควงกระบองไฟไว้โชว์ในงานปาร์ตี้ยามค่ำคืน

สำหรับ หาดริ้นนอกมีลักษณะโค้งเว้าเป็นรูปครึ่งวงกลมความยาประมาณหนึ่งกิโลเมตรนอก จากนี้ยังมีเม็ดทรายที่ละเอียดขาวนวลสะอาดกว่าหาดทรายแห่งอื่นๆบนเกาะพะงัน


ความ ละเอียดและขาวนวลของเม็ดทรายบนหาดริ้นนอกนี้คล้ายกับหาดทรายแก้วบนเกาะเสม็ด ในจังหวัดระยองสมกับคำร่ำลือที่ว่าเม็ดทรายบนหาดริ้นนอกแห่งนี้คล้ายกับกาก เพชรที่ส่องแสงประกายระยิบระยับในยามค่ำของคืนพระจันทร์วันเพ็ญ


ดวง จันทร์ดวงโตในวันขึ้น 15 ค่ำ ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออกส่องแสงนวลตาสว่างไสวไปทั่วหาด ทรายขาวยาวเหยียดชื่อว่าหาดริ้นนอก ภาพของพระจันทร์เต็มดวงนี้สามารถมองเห็นได้ทั่วไปในโลกใบนี้ความงดงามคงไม่ แพ้กัน แต่ในความรู้สึกของฝรั่งนักเขียนนายหนึ่งนามว่าอะไรก็ไม่ทราบซึ่งหลงใหลความ สวยงามของดวงจันทร์บนหาดริ้นนอกแห่งนี้ ได้เขียนบรรยายความประทับใจไว้ในบทความของนิตยสารต่างประเทศเล่มหนึ่งความ ว่า ดวงจันทร์ที่หาดริ้นแห่งนี้นั้นงามหนักหนา


สวย งามที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในสามที่เขาเคยเห็นมาบนโลกใบนี้ไม่ทราบว่าฝรั่งนาย นี้เมากัญชาตาหวานเยิ้มในขณะที่ชื่นชมความสวยงามของพระจันทร์ดวงนี้ที่หาด ริ้นหรือเปล่า ผมว่าพระจันทร์ที่ใดๆในโลกไม่ว่าจะมองจากส่วนไหนของโลกมันก็คือพระจันทร์ดวง เดียวกัน และด้วยบทความของฝรั่งนายนี้ที่เขียนพรรณนาความสวยงามของพระจันทร์เต็มดวง ที่หาดริ้นนอกแห่งนี้เป็นข่าวขจรขจายไปทั่วโลก เป็นสาเหตุให้ทุกวันขึ้น15 ค่ำพระจันทร์เต็มดวง บนหาดริ้นจะคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาจากทั่วทุกทุก โลกพากันแห่มาชมความงามของพระจันทร์เต็มดวงบนหาดริ้นนอกกันอย่างคับคั่งจน กลายมาเป็นการจัดกิจกรรมฟูมูนปาร์ตี้ในวันเพ็ญขึ้น15ค่ำของทุกๆเดือน


สำหรับ เรื่องที่พักบนหาดริ้นนอกในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงแล้วไม่ต้องเดินหาให้ เมี่อยไม่เพียงเฉพาะหาดริ้นใน-นอกเท่านั้นน่ะครับที่บ้านพักเต็ม แต่มันจะเต็มทั่วทั้งเกาะพะงันเลยทีเดียวก่อนจะเดินทางมาเที่ยวงานฟู ลมูนปาร์ตี้ก็ควรจองที่พักบนหาดริ้นใน-นอก หรือหาดอื่นๆบนเกาะพะงันมาเสียแต่เนิ่นๆน่ะครับและก็อย่าเมาจนหูตาลายเห็น แหม่มแก้ผ้ายักคิ้วส่งซิกให้ เห็นช้างตัวเท่าหมู เห็นถนนบนเกาะพะงันเหมือนสนามแข่งรถขับรถแหกโค้งลงเหวข้างทาง บอกได้คำเดียวว่าไม่เข้าคุกก็เข้าวัดครับ


ตัวอย่าง มีให้เห็นหลายรายแล้ว ดังนั้นถ้าเดินทางมาท่องเที่ยวยังหาดริ้นในงานฟูลมูนปาร์ตี้ควรท่องจำไว้ว่า เมาไม่ขับ ระงับใจกันไว้บ้าง ก็แล้วกันน่ะครับ เราสองคนเดินเที่ยวชมความสวยงามของหาดริ้นนอกในวันที่ไม่มีงานฟูลมูนปาร์ตี้ บรรยากาศก็เหมือนกับหาดทั่วไปบนเกาะพะงันที่เงียบสงบเป็นธรรมชาติเม็ดทราย ขาวละเอียดและสวยงามกว่าทุกๆ หาดบนเกาะพะงันถ้ามีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันแล้วลองแวะมาท่อง เที่ยวยังหาดริ้นนอกกันบ้างน่ะครับเม็ดทรายอันขาวนวลบรรยากาศที่สงบเงียบใน วันธรรมดาจะไม่ทำให้ท่านผู้อ่านที่แวะมาเยี่ยมเยือนหาดริ้นนอกแห่งนี้ต้อง ผิดหวังอย่างแน่นอน ส่วนหาดริ้นในที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกมีชายหาดขาวยาวประมาณหนึ่งกิโลเมตร น้ำทะเลใสเหมาะแก่การลงเล่นน้ำยกเว้นที่บริเวณท่าเรือค่อนข้างจะพลุกพล่านมี เรือโดยสารให้บริการเดินทางไปยังเกาะสมุยทุกชั่วโมงซึ่งจะขึ้นฝั่งที่ท่า เรือพระใหญ่บนเกาะสมุยนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุยที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังหาด ริ้นและร่วมในงานฟูลมูนปาร์ตี้จึงนิยมใช้บริการเรือโดยสารเส้นทางนี้กันมาก เพราะไม่จำเป็นต้องไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือท้องศาลาบนเกาะพะงัน จากนั้นต้องนั่งรถสองแถวขึ้นเขาลงเขาให้หนาวหัวใจมาอีกระยะทาง 11 ก.ม. จึงจะถึงหาดริ้น สู้ลงเรือจากท่าเรือพระใหญ่บนเกาะสมุยมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือหาดริ้นในดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลามากนัก ใกล้เวลาเที่ยงวันได้เวลาเดินทางกลับกันแล้วเราสองคนใช้บริการรถสองแถวของ ลุงสินาถเจ้าเก่าเดินทางกลับมายัง DewShoreBangalows ที่หาดบ้านใต้จัดการอาบน้ำชำระร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้วจัดการเช็ค เอาท์สัมภาระออกจากบังกะโล


เดิน ทางมายังท่าเรือท้องศาลาจัดการจองตั๋วรถเรือลมพระยาเที่ยวเวลา 14.00 น. เดินทางจากเกาะพะงันกลับสู่ กรุงเทพฯราคาค่าตั๋วโดยสาร 900บาท


ก่อน ลงเรือลมพระยากล่าวอำลาลุงสินาถโชเฟอร์ที่ให้บริการเราสองคนในวันนี้นักท่อง เที่ยวท่านใดที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะพะงันอยากใช้บริการรถสองแถวของ ลุงสินาถท่องเที่ยวรอบเกาะพะงันติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 089 650 4369 รถสองแถวลุงสินาถ จะติดป้ายว่ารถนักเรียนจอดอยู่ที่หน้าตลาดเกาะพะงันทุกเช้า
ระหว่าง ที่เราสองคนรอขึ้นเรือ ดูเวลาแล้วก็พอจะเหลืออยู่อีกมากโขออกไปเดินซื้อขนมขบเคี้ยวที่ร้านสะดวก ซื้อดูจะเข้าท่ากว่ามานั่งตากแดดตากลมที่ศาลาท่าเรือ ฝากสัมภาระที่เคานท์เตอร์ได้ เราทั้งสองคนก็เดินทอดน่องจากท่าเรือมาสายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นใหญ่ เล็กรวมกลุ่มมุงดูอะไรท่าทางน่าสนใจ เพราะส่งเสียงเชียร์ เอ้อ ๆ กันลั่น


รีบ สาวเท้าเข้าไปมุงกับเขาด้วยก็กระจ่างสายตาเพราะพี่เขากำลังแข่งนกกรงหัวจุก ดูแล้วก็ไม่ต่างไปกับการเชียร์มวย หรือไก่ชนประมาณนั้น ต่างก็แต่ว่าเปลี่ยนจาก ตี..ตี.. แทง..แทง...มาเป็น ร้องลูก..อ้อ.. ร้องลูก.เอ้อ ย่างง๊าน.. ท่าทางเอาจริงเอาจัง แบบประมาณว่าถ้าไปร้องแทนนกได้พ่อร้องไปแล้วลูกเอ๊ย


สำหรับ กติกาการแข่งขันนกกรงหัวจุกซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในภาคใต้บ้านเรานั้น เท่าที่สอบถามมาจะนับเสียงร้องกันที่ สามพยางค์ ถึงจะได้หนึ่งคะแนน ครบกี่คะแนนตามที่ตกลงก็ชนะไป มีการแบ่งสายแข่งแต่ละสายเหมือนมวยแบบแพ้คัดออก จนได้คู่สุดท้ายมาชิงชัยกัน เราถ่ายรูปไปฟังสียงนกไปก็ฟังไม่ออกรู้อย่างเดียวเสียงนกระงมจนหูเฝื่อนไป หมด ฟังไม่รู้ว่าตัวไหนร้องบ้าง เพราะนกกรงหัวจุกแต่ละตัวไม่ได้เกาะคอนโก่งคอร้องเหมือนไก่ แต่มันกระโดดมากระโดดไปอยู่ในกรงพร้อมส่งเสียงร้องไป ตัวโน้นร้องที่ ตัวนี้ก็ร้องบ้างระงมไปหมด


นึก แล้วน่าจะเป็นความเคยชินหรือความสามารถพิเศษของเจ้าของนกที่สามารถนับเสียง ร้องนกกรงหัวจุกเป็นพยางค์ได้ แต่ที่แน่ๆ โกงกันไม่ได้ก็แล้วกัน เพราะพยานหูทองล้อมวงกันเต็ม เจ้าของนกที่รู้ว่านกตัวเองร้องแพ้ก็เดินไปปลดกรงนกจากราวเหล็กโดยสดุดี


ไม่ รู้ว่ากลับไปบ้านจะกลายเป็นนกทอดหรือเปล่า แต่คิดว่าคงไม่เพราะสนนราคานกกรงหัวจุกแต่ละตัวมีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลัก แสน ตามแก้วเสียงและความยาวของพยางค์เสียงนกที่ร้อง ยิ่งปัจจุบันนกกรงหัวจุกใต้หายากจนต้องออเดอร์จากภาคอื่นด้วยแล้ว เห็นทีเจ้าของนกกรงหัวจุกที่ไม่พอใจเสียงนกตัวเองที่ร้องไม่ข้าหูคงขายนกต่อ แล้วเอาตังค์ไปซื้อไก่ย่างกินให้หายแค้น เรายืนดูการประชันเสียงนกกรงหัวจุกอยู่ครู่ใหญ่ก็จบการแข่งขัน แบบว่าตลาดวาย เจ้าของนกกรงหัวจุกแต่ละตัวเอาผ้ามาคลุมกรงนกของตัวเองก่อนที่จะหิ้วขี่ มอเตอร์ไซค์มือเดียวหายวับไปด้วยความรวดเร็ว สันนิฐานว่า ผบ.ที่บ้านคงส่งกระแสจิตมาเรียกตัวโดยด่วน..ถ้าไม่รีบกลับบ้านโดยไว เย็นนี้มีผัดเผ็ดนกกรงเป็นกับข้าวมื้อเย็นแน่
เสียงหวูดเรือพระลานของ บริษัทเรือเร็วลมพระยาดังขึ้นเรียกสติให้เราสองคนต้องรีบละจากสนามแข่งนกกรง หัวจุกมาที่ท่าเรือโดยด่วนถ้าไม่อยากตกเรือเที่ยวสุดท้ายของวันนี้


หอบ สำภาระพะรุงพะรังขึ้นเรือได้ไม่นานจากนั้นเรือเร็วพระลานก็เริ่มเคลื่อนตัว ออกจากท่าเรือท้องศาลาบนเกาะพะงันเดินทางมุ่งหน้าสู่ท่าเรือทุ่งมะขามน้อยใน จังหวัดชุมพร เรือพระลาน


ใช้ เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็เดินทางมาถึงท่าเรือเกาะเต่าซึ่งหลังจากแวะรับส่งผู้โดยสารที่ท่าเรือเกาะ เต่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเรือพระลานก็ออกเดินทางต่อสู่ท่าเรือทุ่งมะขามน้อยในจังหวัดชุมพร และด้วยระยะทางประมาณ 67 ก.ม.


จาก ท่าเรือเกาะเต่าเรือพระลานใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เรือพระลาน ก็พาเราสองคนเดินทางมาถึงท่าเรือทุ่งมะขามน้อยในจังหวัดชุมพรในช่วงเวลาบ่าย คล้อย แดดร่มลมตก


เราสองคนจัดแจงขนสัมภาระขึ้นจากเรือจากนั้นเดินเท้าตามสะพานไม้ระยะทางประมาณ 500 เมตร เข้าสู่ที่พักผู้โดยสารของเรือเร็วลมพระยา


เผอิญ ในวันนี้ท้องฟ้าใสอากาศเป็นใจให้เราสองคนจึงตัดสินใจยังไม่เดินทางกลับ กรุงเทพฯ อยู่ท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดชุมพรต่อไปอีกสัก 3-4 วันจะได้เก็บภาพสวยๆ ของหมู่เกาะทะเลชุมพรมาฝากท่านผู้อ่านในฉบับหน้า


สำหรับ ที่พักของเราสองคนในคืนนี้ได้แก่ M.T.Resort ซึ่งตั้งอยู่ติดกับท่าเรือของบริษัทเรือเร็วลมพระยาในบริเวณอ่าวทุ่งมะขาม น้อย หลังจากติดต่อเช็คอินจัดการขนสัมภาระเข้าสู่บ้านพักใน M.T.Resort เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


จาก นั้นเราสองคนจึงออกมาหามุมถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่บริเวณอ่าวทุ่งมะขามน้อย ในระหว่างรอคอยดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไ ด้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของรีสอร์ทคือ คุณสุวารินทร์ มายาเศส มีชื่อเล่นว่าคุณชาย ซึ่งให้การต้อนรับเราสองคนด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดียิ่ง


เรา สองคนทำการบันทึกภาพดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่อ่าวทุ่งมะขามน้อยจนเป็นที่พอ ใจแล้ว จากนั้นจึงมาร่วมวงรับประทานอาหารค่ำรับลมทะเลกับคุณชาย


พร้อม สอบถามสาระทุกข์ซึ่งกันและกันในฐานะคนรู้จักกันมานานหลายปี ในวันพรุ่งนี้คุณหนุ่มเอ่ยปากชักชวนเราทั้งสองคนออกท่องเที่ยวในทะเลชุมพร กัน ฉบับนี้ขอกล่าวคำว่าราตรีสวัสดิ์ก่อนน่ะครับพบกันใหม่ฉบับหน้า ท่องเที่ยวไปในทะเลชุมพร

เกาะพะงัน เกาะแห่งประวัติศาสตร์ สวรรค์กลางอ่าวไทย


เกาะ พะงัน ชื่อ " เกาะพะงัน " มีผู้กล่าวว่า มีความหมายมาจากคำว่า " หลังงัน " เป็นภาษาถิ่นหมายถึง สันทรายที่โผล่พ้นน้ำเมื่อยามน้ำลง มีบางกระแส สันนิษฐานว่าพวกแรกที่มาอยู่บนเกาะพะงันน่าจะเป็นแขกจากมลายูที่อยู่แถบ จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือไม่ก็เป็นพวกแขก ที่มาจากปัตตานีมาอาศัยทำการประมงเป็นหลัก โดยสังเกตจากชื่อของเกาะ และสถานที่บางแห่งบนเกาะเช่นคำว่า เกาะพะงัน อดีตนายอำเภอเกาะสมุยผู้หนึ่งว่าเดิมชื่อ เกาะราฮัม ซึ่งแปลว่า ดำตะคุ่ม ชื่อ " เกาะพะงัน " เดิมคำว่า " พะงัน " ไม่มีสระ " ะ " หลังจากที่ได้รับการยกฐานะเป็น กิ่งอำเภอเมื่อ พ.ศ. 2513 และเป็นอำเภอเกาะพะงัน เมื่อ พ.ศ. 2520 ทางราชการได้เพิ่มสระ เป็น " พะงัน " จนถึงทุกวันนี้


หาก ย้อนหลังเมื่อปี พ.ศ. 2431 หรือเมื่อ 120 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาส เกาะพะงัน เป็นครั้งแรก และได้พระราชทานนามน้ำตกบนเกาะพะงัน ถึงสามแห่ง ได้แก่ น้ำตกธารเสด็จ น้ำตกธารประพาส และ น้ำตกธารประเวศ


โดย เฉพาะน้ำตกธารเสด็จ ทรงเป็นที่โปรดปรานพระราชหฤทัย โดยพระองค์เสด็จประพาสถึง 14 ครั้ง มีหลักฐานจารึกเป็น พระปรมาภิไธย่อ บนก้อนหินอยู่ริมน้ำตกจนถึงปัจจุบัน


นับ เป็นความภาคภูมิใจของชาว เกาะพะงัน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จประพาสอำเภอเกาะพะงัน 4 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชการที่ 7 รัชการที่ 9 ทุกพระองค์ได้จารึก พระปรมาภิไธย่อ ไว้ที่น้ำตกธารเสด็จ


ปัจ ุบัน เกาะพะงัน เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากเกาะสมุย อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 100 กม. และอยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศเหนือ ประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที มีเนื้อที่ ประมาณ 120,625 ไร่ หรือ 168 ตาราง กม. มีเกาะใหญ่จำนวน 6 เกาะ คือ เกาะพะงัน เกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะแตนอก เกาะแตใน และเกาะม้า แบ่งการปกครองเป็น 1 เทศบาล 3 ตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบล เกาะพงัน อบต. เกาะพงัน อบต.บ้านใต้ และ อบต. เกาะเต่า มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติทางทะเล และป่าไม้ มีชายหาดสวยงามที่มี ชื่อเสียงมากมาย เช่น หาดริ้น หาดท้องนายปาน หาดขวด หาดยาว หาดสน หาดสลัด หาดแม่หาด และมีแหล่งดำน้ำที่สวยงาม เช่น เกาะเต่า และ เกาะม้า เกาะพะงันเป็นหนึ่งในจำนวน 48 เกาะที่ตั้งอยู่ในช่องอ่างทอง ภูมิประเทศของเกาะพะงันมีภูเขาอยู่ตรงกลางเกาะ ทอดตัวจากทิศเหนือจดทิศใต้ มีที่ราบทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ ส่วนทางทิศตะวันออกเป็นเทือกเขาจดทะเล บางแห่งก็มีอ่าวเล็กอ่าวน้อยเรือเข้าจอดได้เป็นบางฤดู ช่วงมรสุมตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนมกราคม จะมีลมตะวันออกพัดผ่านซึ่งไม่เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว เกาะพะงันมีชายหาดขาว น้ำทะเลใสน่าเล่นน้ำหลายหาด ร่มรื่นด้วยทิวไม้ริมชายหาด ความเงียบสงบของชายหาดต่าง ๆ บนเกาะเป็นเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบ โดยรวม เกาะพงัน มีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดปี จึงมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว เกาะพะงัน ตลอดทั้งปี ในการเดินทางท่องเที่ยวภายในเกาะก็สะดวกทั้งทางบกและทางทะเล

การเดินทาง
กรุงเทพฯ-เกาะพะงัน (บริษัท เรือเร็วลมพระยา)
มีบริการรถบัสปรับอากาศ ระหว่าง กรุงเทพฯ-หัวหิน-ท่าเรือทุ่งมะขามน้อย จ.ชุมพร
ออกให้บริการทุกวัน โดยออกจากสาขากรุงเทพฯ บริเวณ ถนนข้าวสาร(หน้าวัดบวรนิเวศฯ) วันละ 2 รอบคือเวลา 06:00 น. และ 21:00 น.


เรือเร็วลมพระยา มีให้บริการ 3 ลำ คือ เรือพระลาน เรือหน้าเมือง เรือแม่น้ำ
โดยจะออกจากเกาะสมุยวันละ 2 รอบคือ เวลา 8:00 น. และ 12:00 น. และออกจากจังหวัดชุมพรวันละ 2 รอบเช่นกัน คือ 06:00 น. และ 13:00 น.
ดูรายละเอียดได้ที่ www.lomprayah.com

สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะพงัน
ท้องศาลา
เป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอเกาะพะงัน เป็นศูนย์กลางของ การติดต่อค้าขายและศูนย์รวมธุรกิจต่างๆ มีท่าเรือที่สวยงามและสดวกสบาย


ใน ตลาดมีห้องแถว เรียงรายอยู่ทั้งสองข้างถนน มีธนาคารพานิชย์ บริษัทนำเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และเป็นจุดเริ่มต้นในการไปเที่ยวยังที่ต่างๆ ของอำเภอ


พระเจดีย์ภูเขาน้อย (วัดพุทธเจดิยาราม)
ตั้ง อยู่บนยอดเขาห่างจากตัวอำเภอเกาะพะงัน 2 กม. นับเป็นปูชนียสถานแห่งหนึ่ง ของเกาะพะงัน ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานสถูป และรอยเท้าของหลวงพ่อเพชร วชิโร


ภายใน วัดมีพระพุทธรูปและเจดีย์เก่าๆ อยู่เป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของเกาะพะงัน ซึ่งเดือน 9 ของทุกปี จะมีการจัดงานประเพณีที่วัดแห่งนี้
การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถสองแถวและมอเตอร์ไซด์รับจ้างจากท้องศาลา
เกาะแตใน
เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าอ่าวท้องศาลา ห่างจากฝั่งท้องศาลาประมาณ 400 เมตร สามารถพายเรือเล็กไปเที่ยวได้ตลอดเวลา


บน เกาะจะมีแหลมทรายขาวสะอาด ยื่นออกมากลางทะเล นอกจากนี้ ยังสามารถพายเรือเที่ยวรอบๆ เกาะได้ หากมองลงไปในน้ำจะเห็นความสวยงามใต้ท้องทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงปลาน้อยใหญ่ โขดหินที่ตั้งระเกะระกะ ปะการัง และอื่นๆ มีสีสันแปลกๆ สวยงามมาก ประกอบกับบริเวณรอบเกาะมีถ้ำสวยงามหลายแห่ง ปากถ้ำบางแห่งเป็นที่เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน นับว่าที่แห่งนี้เป็นที่น่าเที่ยวแห่งหนึ่งของเกาะพะงัน
การเดินทาง สามารถนั่งเรือจากท้องศาลาประมาณ 10 นาที ก็ถึงเกาะแตใน ระยะทางจากท้องศาลาถึงเกาะแตใน 1 กม. เท่านั้น
วัดเขาถ้ำ (สวนสุวรรณโชติการาม)
ตั้ง อยู่บนยอดเขาข้าวแห้ง หมู่1 ตำบลบ้านใต้ เป็นสำนักสงฆ์ที่มีผู้นิยมมานั่งวิปัสนา เนื่องจากเป็นที่ร่มรื่นสวยงาม อากาศเย็นสบาย ภายในมีพระพุทธ บาทจำลอง และรูปเคารพต่างๆ เช่น พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ และรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม เมื่อขึ้นไปบนเนินหินสูงที่สร้างมณฑปจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบเกาะได้ ส่วนทางไหล่เขาด้านหลังมีสิ่งที่น่าสนใจคือเพิงหินซึ่งมีลักษณะเป็นคูหา
การ เดินทางไปยังวัดเขาถ้ำ สามารถเดินทางไปโดยการเช่าเหมารถยนต์และรถจักรยานยนต์จากท้องศาลา ซึ่งมีระยะทางจากท้องศาลาไปถึงปากทางขึ้นวัดเขาถ้ำ ระยะทาง 3 กม. และจากปากทางขึ้นไปบนวัดเขาถ้ำอีก 1 กม.
พระพุทธบาทจำลองบนภูเขาวัดมธุรวราราม (วัดมะเดื่อหวาน)
วัด แห่งนี้อยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะพะงัน บนยอดเขานี้มีมณฑปพระพุทธบาทจำลอง จากเชิง เขาจะมีบันไดขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาทนับว่าสะดวกสบายมาก สำหรับพระพุทธบาทแห่งนี้ จะมีงานประเพณีนมัสการเป็นประจำทุกปี
การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถสองแถว และมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากท้องศาลา ซึ่งมีระยะทางจากท้องศาลาไปพระพุทธบาทจำลอง ระยะทาง 3 กม.
วนอุทยานน้ำตกแพง (อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ-เกาะพะงัน)
พื้นที่ แห่งนี้ได้ประกาศเป็นวนอุทยานฯ เมื่อปี พ.ศ. 2520 ภายในวนอุทยานฯ มีน้ำตกแพงเป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะพะงัน สถานที่ร่มรื่นด้วยเงาไม้ น้อยใหญ่ที่มีอยู่สองฟากลำธาร


เมื่อ เดินเลาะตามลำธารขึ้นไปเหนือน้ำ ก็จะพบผาน้ำตก ที่สูง 2-3 แห่ง มีน้ำตกไหลลงมากระทบโขดหินเบื้องล่างน้ำตกแตกกระจายเป็นฝอยสีขาว คล้ายสำลี เป็นภาพที่มองดูสวยงามยิ่งนัก เมื่อก่อนนี้ในฤดูฝนน้ำตกแห่งนี้จะมีเสียงดังไป เกือบทั่วเกาะเลยทีเดียว
การ เดินทาง สามารถเดินทางได้โดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ระยะทางจากท้องศาลาไปวนอุทยานฯ ประมาณ 5 กม. โดยการเช่าเหมารถ หรือเช่าจักรยานยนต์ขับไปเอง
ต้นยางใหญ่
เป็นต้นยางขนาดใหญ่มาก มีเส้นรอบวงประมาณ 14 เมตร ตั้งอยู่ที่ตำบล บ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 5 กม. การเดินทาง สามารถติดต่อรถได้ที่ท้องศาลา ซึ่งจะมีรถสองแถว วิ่งอยู่ระหว่าง ท้องศาลา-บ้านค่าย
หาดริ้น
ตั้ง อยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน ระยะทางห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่สวยที่สุดและมีชื่อเสียงของเกาะพะงัน ความยาวของหาดยาวประมาณ 2 กม.


สามารถเดินทางได้โดยเรือหางยาวจากท้องศาลาและจากบ้านค่าย ส่วนรถยนต์จากท้องศาลาค่าโดยสารรถสองแถวเหมาคันไป-กลับประมาณ 400 บาท
บ้านโฉลกหลำ
เป็น ชุมชนชาวประมงที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 รองจากบ้านท้องศาลา ตัวอ่าวอยู่ทางทิศเหนือของเกาะพะงัน เป็นอ่าวลึกกำบังคลื่นลมในบางฤดูได้เป็นอย่างดี แต่บางฤดู คลื่นลมจัดมากเรือเข้าจอดเทียบท่าไม่ได้


ช่วง เวลาคลื่นลมสงบจะมีเรือประมงเข้ามาจอดเป็นจำนวนมากช่วงเวลาดังกล่าวหมู่บ้าน โฉลกหลำจะมีความคึกคัก มีประชาชนหนาแน่นทั้งกลางวันและกลางคืน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็จะตั้งร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ เช่นเดียวกับในตลาดใหญ่ สินค้าที่มีชื่อที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกลับไปฝากคนที่อยู่ทางบ้านได้ก็ คือปลาหมึกตากแห้ง การเดินทางจากท้องศาลา จะมีรถสองแถวไว้บริการตลอดทั้งวัน ระยะทางประมาณ 13 กม.
อ่าวศรีธนู
ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะพะงัน ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 10 กม. เป็นชายหาดที่สวยเป็นอันดับสามของเกาะพะงัน แต่ถ้าเป็นหน้ามรสุมคลื่นลมจะแรงมาก และไม่สามารถลงเล่นน้ำได้การเดินทางสามารถติดต่อเช่ารถได้ที่ท้องศาลา
น้ำตกธารเสด็จ
น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นัก ท่องเที่ยวมาช้านานแล้วอยู่ที่ตำบลบ้านใต้ สามารถไปได้ทั้งทาง เรือและทางรถ แต่ถ้าไปทางเรือเมื่อเริ่มเข้าอ่าวธารเสด็จจะพบความงาม ของภูเขาโขดหินที่มีรูปร่างแปลกๆ และหาดทรายสีขาวดุจสีเงินยวง เมื่อขึ้นจากเรือแล้วเดินขึ้นไปไม่ไกลนักก็จะพบกับลำธารมีกระแสน้ำไหล ผ่านปะทะแก่งหินที่มีอยู่มากมายทำให้เกิดเสียงดังตามความเร็วของกระแสน้ำ เมื่อเดินขึ้นไปตามต้นน้ำจะพบหินก้อนหนึ่งใต้ต้นไม้ ที่หินก้อนนี้ม ีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ปปร. ภปร. ซึ่งได้จารึกเอาไว้เมื่อครั้งพระองค์ ์ได้ เสด็จมาที่นี่ น้ำตกธารเสด็จไม่เหมือนน้ำตกแห่งอื่นๆ ด้วยเหตุว่าน้ำตกนี้เป็นธารน้ำไหลจากภูเขาแล้วตกมาเป็นช่วงๆ ตามสภาพของแก่งหินแต่ละตอนจึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะไปพักผ่อนหย่อน ใจยามว่างได้เป็นอย่างดี
การเดินทาง สามารถเดินทางไปได้ทั้งทางเรือและทางรถ ในช่วงเดือน ตุลาคม-มกราคม ไม่สามารถนั่งเรือไปน้ำตกได้ และถ้าเป็นทางรถ จะต้องเป็นรถขนาดใหญ่จึงจะสามารถเดินทางไปได้ แต่ถ้าเป็นหน้า ฝนการเดินทางจะลำบากมาก เพราะทางที่ผ่านจะเป็นทางลาด ชันตลอดและเป็นภูเขาสูง การเดินทางจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
อ่าวท้องนายปาน
ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านใต้ ระยะทางห่างจากตัวอำเภอประมาณ 23 กม. เป็นชายหาดที่สวยอันดับสอง รองจากหาดริ้น


สามารถ เดินทางไปอ่าวท้องนายปานได้ทั้งทางเรือและทางรถยนต์ แต่ถ้าเป็นฤดูฝนจะเดินทางได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น ค่าเช่ารถและเรือสามารถติดต่อและตกลงราคากันเองได้
ศาลเจ้าแม่กวนอิม
ตั้ง อยู่หมู่ที่ 7 บ้านโฉลกหลำ ระยะทางจากท้องศาลาประมาณ 9 กม. สร้างเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม 2536 เป็นที่สักการะของคนที่เดินทางผ่านไปผ่านมา


เมื่อขึ้นไปถึงหน้าศาลจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะพะงัน นับเป็นที่สวยงามมากจุดหนึ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.idotravellers.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น